หมวดหมู่: ประวัติและตำนาน

สถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกระบุว่าเก่าแก่ที่สุดของประเทศเมียนมาร์

       ที่สุดของประเทศเมียนมาร์  สำหรับประเทศเมียนมาร์หรือประเทศพม่าที่เรารู้จักกันนั้นเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยเพียงแค่นิดเดียวเราสามารถที่จะนั่งเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังประเทศเมียนมาร์หรือแม้แต่เราจะสามารถข้ามฟากด้วยการเดินเท้าหรือขับรถไปยังประเทศเมียนมาร์ ก็ได้  เนื่องจากว่าประเทศเมียนมาร์นั้นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานควบคู่กับประเทศไทย

           ที่สำคัญอาณาจักรเก่าแก่ของประเทศเมียนมาร์นั้นก็มีความยิ่งใหญ่ไม่แตกต่างจากอาณาจักรของไทยดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเมียนมาร์ที่ถูกระบุว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเก่าแก่ติดอันดับที่สุดของประเทศเมียนมาร์ 

       สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเรื่องของความเก่าแก่ที่สุดของประเทศเมียนมาร์  แล้วยังเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งสะพานดังกล่าวก็คือ สะพานอูเบ็ง ประเทศเมียนมาร์

           สำหรับสะพานอูเบ็งแห่งนี้นั้นนอกจากจะเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่แล้วยังถูกระบุว่าเป็นสะพานที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศเมียนมาร์เลยก็ว่าได้ อายุของสะพานกูแบ่งแห่งนี้นั้นมีอายุ นับตั้งแต่ก่อสร้างมาจดมาจนถึงปัจจุบันนี้ มากกว่า 170 ปีเลยทีเดียว 

         สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน ซึ่งในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านได้มีการช่วยกันย้ายพระราชวังเก่าจากกรุงอังวะมาที่เมืองอมรปุระหลังจากนั้นในช่วงที่มีการย้ายพระราชวังเก่า

         ปรากฏว่ามีไม้สักจากพระราชวังเก่า ที่เหลืออยู่ประมาณ 1000 ต้น พระเจ้าปดุงจึงสั่งให้ขุนนางในสมัยของพระองค์นั้นทำการควบคุมคนงานและชาวบ้านให้ช่วยกันก่อสร้างสะพานขึ้นมาซึ่งก็คือสะพานไม้อูเบ็งแห่งนี้นั่นเองสำหรับสะพานไม้อูเบ็งนี้เป็นสะพานไม้สักที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกและเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน 

            โดยสะพานไม้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วง ปี พ.ศ. 1850  ส่วนสาเหตุที่มีการตั้งชื่อสะพานแห่งนี้ว่าสะพานอูเบ็งนั่น  กริลแอร์     ก็เพราะว่าคุณนางที่เป็นคนควบคุมการสร้างสะพานแห่งนี้นั้นชื่อว่าเอ็งและสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ชาวพม่านั้นได้ใช้งานเป็นเส้นทางในการคมนาคมขนส่งกัน

         นับตั้งแต่ในสมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ชาวบ้านก็ยังคงใช้สะพานแห่งนี้ในการสัญจรไปมาและการคมนาคมรวมถึงการมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศเมียนมาร์นั่นเองอย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการเห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามของสะพานอูเบ็งสะพานไม้สักแห่งนี้แนะนำว่าควรจะไปช่วงเวลาเย็นซึ่งเป็นช่วงเวลาของพระอาทิตย์ตกดินจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามแปลกตานั่นเอง 

ประวัติศาสตร์การโจมตีญี่ปุ่น

ประวัติศาสตร์การโจมตีญี่ปุ่น เรือรบที่เป็นความภาคภูมิใจของกองเรือดำน้ำสหรัฐ เรือรบที่อยู่ท่ามกลางของศัตรูแต่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้เรือรบที่ทำให้อเมริกาบุกยึดทาราวะได้สำเร็จและนี่ก็เป็นเรื่องราวของหนึ่งในเรือดำน้ำของกองทัพเรือสหรัฐ USS NAUTILUS 

ซึ่งเรือดำน้ำV6เป็นเรือดำน้ำที่กองทัพเรือสหรัฐใช้ในสงครามโลกครั้งที่2ถูกวางกระดูดงู เมื่อวันที่2สิงหาคมนปี1927 ที่รัฐแคลิฟอร์เนียโดยอู่ต่อเรือบนเกาะมาเลย์เปิดตัวเมื่อวันที่15มีนาคมปี1930และได้รัการสนับสนุนจาก MISS JEAN KEESLING ลูกสาวทนายความคนสำคัญของซานฟรานซิสโกที่เป็นผู้สนับสนุนเรือดำน้ำV6มีระวางขับน้ำ2,730ตันบนผิวน้ำและ3,960ตันเมื่ออยู่ใต้น้ำ

โดยเรือมีความยาวโดยรวมอยู่ที่371เมตรกว้าง10เมตรกินน้ำลึก5เมตรเรือสามารถทำความเร็วได้17น็อตบนผิวน้ำ8น็อตเมื่ออยู่ใต้น้ำและสามารถดำน้ำได้ลึกถึง90เมตรอีกทั้งเรือดำน้ำลำนี้ยังติดตั้งอาวุธด้วยท่อตอปิโด533มิลลิเมตร4ท่อด้านหน้าและ2ท่อด้านท้ายรวมทั้งหมด6ท่อและติดตั้งปืน252มิลลิเมตรจำนวน2กระบอกอีกด้วย

เรือดำน้ำV6เข้าประจำการในวันที่1กรกฎาคมปี1930โดยมีนาวาตรีTHOMAS JOHN DOYLEเป็นผู้บังคับบัญชาV6ซึ่งเป็นตัวแทนของวามภาคภูมิใจของกองเรือดำน้ำสหรัฐในช่วง1930โดยV6ได้ดำเนินการเดินทางออกจากเกาะมาเลย์ไปยังอ่าวซานฟรานซิสโก

เพื่อทำการทดสอบการดำน้ำและการฝึกตอปิโดจากนั้นเรือก็ออกเดินทางไปทำการฝึกต่อไปในวันที่16กุมภาพันธ์ปี1931และมุ่งเข้าไปเพื่อเข้ากองรบสหรัฐที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมในพื้นที่นั้นระหว่างการเดินทางนั้นในวันที่19กุมภาพันธ์1937เรือดำน้ำV6ได้เปลี่ยนชื่อเป็นนอติลุสอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ได้เข้าสู่สมรภูมิสงครามโลกครั้งที่2นอติลุสได้ออกจากซานฟรานซิสโกเมือ่วันที่21เมษายนปี1942และเดินทางถึงเพอฮาเบอร์ในวันที่28ต่อมานอติลุสได้ออกจากเพอฮาเบอร์ในวันที่24พฤภาคมและกำหนดเส้นทางสู่มิตรเวย์นอติลุสประจำการเป็นส่วนหนึ่งของมิตรเวย์ประกอบขึ้นด้วยเรือดำน้ำ25ลำ

ซึ่งมทีหน้าที่ให้ค้นหาและโจมตีกองเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในขณะนี้สหรัฐเชื่อว่าญี่ปุ่นกำลังเตรียมการโจมตีสหรัฐที่เกาะมิตรเวย์ข้อมูลล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีของญี่ปุ่นที่ระบวันที่4หรือวันที่5มิถุนายนเป็นวันที่เป้าหมายที่ได้รับผลงานมาจากผลงานของนักถอดรหัสของสหรัฐที่ถอดรหัสGN25ของญี่ปุ่นได้บางส่วน

ในช่วงเช้าของวันที่4มิถุนายนปี1942นอติลุสของนาวาตรีWLLIAM HERMAN BROCKMAN JR. ด้วยความคิดและเริ่มของเขาเองเขาได้ให้นักวิทยุบนเรือติดตามความถี่ที่กำหนดล่วงหน้าก่อนเวลาที่รุบบไว้ในคำสั่งปฏิบัติการณ์ของเขา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  huaydee

ตำนานความเชื่อพญานาคในประเทศไทย

สำหรับเรื่องของ ความเชื่อพญานาค ในประเทศไทยก็ได้มีอยู่หลายตำนานเช่นกันและตำนานที่โด่งดังมากที่สุดในประเทศไทยนั่นก็คือพญาศรีสุทโธนาคราชนั่นเองโดยพญาศรีสุทโธนาคราชกำเนิดในตระกูลเอราปถร่างกายจะเป็นสีเขียวพระนาภีและเศียรจะเป็นสีทองและมีเศียรเดียว

โดยพญานาคนี้จะมีเศียรมากกว่าหนึ่งเศียรตามบารมีและชั้นยศและนาคที่มีเศียรมากที่สุดก็คืออนันตนาคราชได้มีเศียรถึงหนึ่งพันเศียรและมีลำตัวยาวเป็นอนัน

ซึ่งพญาศรีสุทโธนาคราชเป็นพญานาคที่เป็นใหญ่ในแทบพื้นที่ประเทศไทยแต่ถือกำเนิดในตระกูลนาคธรรมดาที่ไม่ได้เป็นกษัตริย์โดยเป็นพระโอรสของพญานาโคศิรินาคราชและนางพญาศรีนคราบาดาลหรือแม่ย่าสีเมืองนั่นเองโดยมีพรหมประกายโลกหรือวังนาคินคำชะโนดที่จังหวัดอุดรธานีเป็นังเวียงที่ประทับนั่นเอง

นอกจากนี้ได้เชื่อกันว่าเป็นพญานาคประจำองค์ท้าวสักกะหรือศักระโดยพญาศรีสุทโธนาคราชนี้ได้มีพระมเหสีถึง7พระองค์และหนึ่งในนั้นก็คือองค์พญานาคีณีศรีปทุมมาวิสุทธิเทวีโดยได้ถือกำเนิดในตระกูลเอราปถเช่นเดียวกันและมีพระวอระกายเป็นสีเขียวตองอ่อนมทีพระนาภีและพระเศียรเป็นสีทองเช่นกันและมีพระอนุชาชื่อว่าพญาสีสุธาโพทโดยพญาศรีสุทโธนาคราชก็ได้มีตำนานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำสำคัญสองสายของประเทศไทยคือแม่น้ำโขงและแม่น้ำน่าน

ดังนี้เราจะสรุปโดยสั้นให้ได้อ่านกันครั้งก่อนโดยพญาศรีสุทโธนาคราชได้ครองเมืองหนองกระแสครึ่งนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเป็นพญานาคที่ชื่อว่าพญาสุวรรณนาคราชโดยทั้งสองมีบริวานฝ่ายละ5,000เท่ากันและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยได้มีข้อตกลงอยู่หนึ่งข้อสำคัญนั่นก็คือถ้าอีกฝ่ายหนึ่งได้ออกไปล่าเนื้อหาอาหารอีกฝ่ายหนึ่งต้องไม่ออกไปเพราะอาจจะเกิดความทะเลาะกันได้

เมื่อได้หาอาหารมาแล้วให้นำเอาอาหารที่หามาได้นั้นเอามาแบ่งให้เท่าๆกันแต่มาวันหนึ่งได้เกิดปัญหาขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการแบ่งอาหารปันส่วนโดยได้คิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งคิดไม่ซื่อไม่ปฏิบัติตามสัญญาจึงเกิดการแตกหักทะเลาะกันถึงขั้นก่อสงครามกันเลย

ซึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ได้รู้ไปถึงพระอินทร์จากนั้นพระอินทร์จึงได้เสด็จลงมาจากชั้นสวรรค์ดาวดึงและได้ตรัดองค์การกับนาคทั้งสองฝ่ายเพื่อให้หยุดทำการรบกันโดยพระอินทร์ได้ตัดสิทธิให้ทั้งสองฝ่ายเสมอกันและได้สั่งให้มาช่วยกันสร้างแม่น้ำกันคนละสายโดยใครที่สร้างแม่น้ำไปถึงทะเลได้ก่อนพระอินทร์จะให้ปลาบึกไปอยู่มรแม่น้ำสายนั้นและบ่งเขตแดนโดยเอาดงพญาไฟมาเป็นเขตกั้น

 

สนับสนุนโดย.  สูตรหวยยี่กี หวยดี

ตำนานรักต้องห้ามของพระนางคลีโอพัตรา กับ มาร์คแอนโทนี่

      อย่างที่เรารู้กันดีว่าพระนางคลีโอพัตรานั้นคือราชินีของประเทศอียิปต์ที่มีความงดงามมากที่สุดในโลกซึ่งงามของพระนางคลีโอพัตรานั้นปัจจุบันทุกคนก็ยังรู้และได้ยินกันอยู่ถึงความงดงามของพระองค์มีตำนานที่พูดถึงพระนางคลีโอพัตราเกี่ยวกับความรักของพระนางที่มีต่อชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่ามาร์คแอนโทนี่ส่วนรายละเอียดของตำนานที่มีการเล่าขานกันมาจากคนเฒ่าคนแก่ของประเทศอียิปต์ที่มีการพูดถึงพระนางคลีโอพัตรานั้นก็คือ พระนางคลีโอพัตรานั้นเป็นผู้ครองเมืองอียิปต์พระองค์นั้น

มีความงดงามเป็นอย่างมากชายใดได้เห็นก็จะตกหลุมรักในความงามของพระองค์อีกทั้งพระองค์นั้นยังเป็นหญิงที่มีความฉลาดหลักแหลมอยู่มาวันหนึ่งแอนโทนี่ซึ่งเป็นผู้ครองเมืองอเล็กซานเดรียได้มีการทำสัญญาร่วมกันกับพระนางคลีโอพัตราเกี่ยวกับเรื่องของการผูกมิตรกันเพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับประเทศของกันและกันแต่เมื่อ Anthony

ได้เจอหน้านางคลีโอพัตราก็ทำให้อันที่นั่นตกลงรักพระนางคลีโอพัตราในทันทีซึ่งทั้งที่อัสนีนั้นก็มีภรรยาเป็นของตนเองอยู่แล้วโดยพระยาของเขานั้นคือน้องสาวของออคตาเวียนซึ่งเป็นเจ้าเมืองกรุงโรมอย่างไรก็ตามเมื่อทั้งพระนางคลีโอพัตราและตกหลุมรักซึ่งกันและกันพวกเขาถึงได้ชวนกันย้ายกับประโยชน์ที่เมืองอเล็กซานเดรีย

โดยให้ทหารที่มีความเก่งกาจสามารถคอยดูแลบัลลังก์ที่ประเทศอียิปต์เอาไว้และเมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของออกตาเวียนเจ้าผู้ครองกรุงโรมก็ทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากจี้แอนโธนี่นั้นต้องไปน้องสาวของเขามาอยู่กินกับพระนางคลีโอพัตราทำให้เขายกกองทัพกรุงโรมไปบุกและทำสงครามกับทางอียิปต์โดยเดินทางไปทำสงครามกันผ่านทางเรือในแม่น้ำไนล์ 

ซึ่งการทำสงครามในครั้งนี้นั้นเป็นผู้ดำเนินการออกรบโดยให้พระนางคลีโอพัตรานั้นอยู่ที่ในเมืองอเล็กซานเดรียอย่างไรก็ตามระหว่างที่ยังตอนนี้กำลังทำศึกสงครามอยู่นั้นเขาได้ข่าวจากทหารว่าพระนางคลีโอพัตรานั้นได้เสียชีวิตลงแล้วทำให้แอนโทนี่นั้นรู้สึกเศร้าเสียใจจากการจากไปของพระนางคลีโอพัตราเป็นอย่างมาก ในที่สุดตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายตามพระนางคลีโอพัตรา

ไปแต่เมื่อชนิดตายเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเป็นแค่กลลวงของเจ้าเมืองกรุงโรมนั่นเองพระนางคลีโอพัตราเมื่อได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจนี่ว่าเสียชีวิตเพราะจากการเสียใจที่ถูกหลอกว่าพระนางคลีโอพัตรานะเสียชีวิตก็เกิดความเศร้าเสียใจและคิดถึงแอนโทนี่เป็นอย่างมากในที่สุดพระนางคลีโอพัตราจึงได้ตัดสินใจฆ่าตัวเองตายด้วยการนำงูที่มีพิษของประเทศอียิปต์มากัดที่บริเวณด้านหน้าอกข้างซ้ายของพระองค์ตายตาม แอนโทนี่ ไปกันเอง

 

สนับสนุนโดย  rb88

คดีที่ทำให้ทางการFBIสะเทือนใจ

บอนนี และไคลด์ คู่แท้จอมโจร

บอนนี และ ไคลด์ ได้โด่งดังขึ้นมาในหลังเดือนมีนาคมในปี1933 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าบุกในพื้นที่กบดานของชาวแก๊งของเขาได้ ซึ่งโดยทั้งคู่นั้นได้สามารถหลบหนีออกไปได้พร้อมกับได้ฆ่าเจ้าหน้าที่ไปอีกประมาณ2นายเมื่อได้เข้าตรวจค้นในสถานที่เจ้าหน้าที่ก็ได้พบเข้ากับบทกลอนของฝันของบอนนีที่มีความเกี่ยวข้องกับการผจญภัยของทั้งคู่

อีกทั้งยังมาพร้อมกับภาพถ่ายอีกมากมายและเมื่อรูปภาพเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปผ่านยังสื่อก็ได้ทำให้ทางด้านสังคมได้เกิดจินตนาการไปไกลถึงความสำพันของคู่รักคู่นี้มันจึงได้ทำให้เกิดข่าวรือและความเชื่อแบบผิดๆตามมาไม่ว่าจะเปฌนเรื่องที่ตัวเขานั้นไปปล้นแต่คนที่รวยและธนาคารในทั้งที่ส่วนใหญ่เหยื่อของพวกเขาก็คือในร้านค้าที่มีขนาดเล็กตามทั่วไปมันจึงได้ทำให้พวกเขานั้นได้กลายมาเป็นฮีโร่ของชาวบ้านในยุคของเศรษฐกิจตกต่ำ

และในช่วงเวลาที่ความโกรธแค้นต่อธนาคารและสถาบันด้านการเงินนั้นยังมีอยู่นั่นเองทางด้านทางการFBIก็ได้ลงในพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนและก็ยังได้ข้อมูลและที่อยู่อย่างแน่ขัดแล้วว่าบอนนี และ ไคลด์ ได้อาศัยอยู่ในเขตห่างไกลจากทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของชุมชนดังกล่าวในบ้านของครอบครัวและในเวลาต่อมาทางการก็ยังได้ข้อมูลอีกหนึ่งชิ้นว่าบอนนี และ ไคลด์กับสมาชิกในครอบครัวรวมไปถึงเม็ดวิ้นในบางส่วนต่างก็ได้ร่วมกับจัดงานปาร์ตี้ที่แบ็คแลชในหลุยส์เซียน่าในวันคือที่21พฤษภาคมในปี1934 และในทั้งคู่นั้นประมาณในอีกสองวันก็จะเดินทางกลับมาต่อมาในวันที่23พฤษภาคมในปี1934

ทางการเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลุยส์เซียน่าและในรัฐเท็กซัสรวมไปถึงเจ้าหน้าที่เท็กซัสเขาก็ได้ซุ่มตัวเองอยู่ในพุ่มไม้ริมข้างทางหลวงที่ไกล้กับไซเลซจนในกระทั่งบอนนี และ ไคลลด์ก็ได้มาปรากฏตัวที่รถยนต์ทางการเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งเข้าไปจับกุลบอนีและไคลด์ในทันทีแต่ในทั้งคู่นั้นต่างก็จะพยายามที่จะหาทางหลบหนีจากทางการเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาจับกุลตัวบอนนีลไคลด์

จากนั้นทางการเจ้าหน้าที่กได้ทำการที่จะเปิดฉากยิงออกไปจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางด้านบอนนีและไคลด์ได้เสียชีวิตลงในทันทีจากนั้นทางด้านคดีของบอนนีและไคลด์ก็ได้สิ้นสุดลงในทันทีที่ได้มีการเปิดฉากยิงเขาทั้งสองทางการเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่มีทางเลือกในระหว่างที่บอนนีและไคลด์กำลังที่จะหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เปิดฉากยิงบอนนีและไคลด์ในทันทีที่เขาทั้งสองคนนั้นกำลังพยายามที่จะหลบหีจากเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาจับกุมตัวเขาทั้งสอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  entaplay

สิ่งก่อสร้างจากพีระมิดที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้

คนงานที่ได้รับค่าจ้างเป็นคนงานสร้างพีระมิด

หลายคนก็คงจะเข้าใจกันมาตลอดเลยว่าผู้ที่ได้ก่อสร้างพีระมิดคือแรงงานยิวที่จะต้องทำงานท้ามกลางแดดที่ร้อนระอุและจะถูกลงโทษอย่างหนักหากว่ามีการแอบพักได้สืบเนื่องมาจากทิศดีของ  เฮอรอโดทัส ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกที่ได้ถูออธิบายเอาไว้จากนั้นทางฮอลลีวู้ดก็ได้นำเอาไปเป็นการสร้างภาพยนตร์จนมันดังอย่างมากแต่หลังจากนั้นมาเมื่อในปี1990หัวหน้านักโบราณคดีก็กลับได้พบความจริงจากการที่ได้ขุดค้นพบในสุสานแล้วว่าผู้ที่ก่อสร้างพีระมิดขึ้นมานั้น

ไม่ได้เป็นอย่างที่เรานั้นได้รู้จัดกันแต่มันเป็นช่างที่มีฝีมืดทางตอนเหนือและใต้ที่จะต้องการจะมีส่วนร่วมประวัติศษสตร์อันยิ่งใหญ่ต่างหากและจากหลักฐานที่ได้ค้นพบเจอมานั้นได้ว่ากันมาว่าได้มีแรงงานเป็นหมื่นๆคนโดยพวกเขานั้นจะได้รับค่าจ้างเป็นเนื้อสัตว์ในทุกๆวันและไม่ได้จะกินแต่ขนมปังอย่างที่ทุกคนนั้นได้เข้าใจกันแต่สิ่งที่ดูว่าหน้ามันจะเป็นจริงก็เห็นว่าจะเป็นงานที่หนักเอาการเนื่องจากได้มีการที่ได้ศึกษาด้านโครงกระดูกแล้วก็ได้พบว่าพวกเขานั้นได้มีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงมักจะเป็นโครข้อและกระดูกสันหลังอักเสบจึงมันได้ส่งผมให้อายุนั้นสั้นลงอย่างปกติทีนี้เราทุกคนก็จะเข้าใจอย่างตรงกันแล้วนะ

ตำแหน่งของพีระมิดที่ชี้ไปยังขั้วโลกเหนือ

สำหรับในการก่อสร้างพีระมิดของชาวอียิปต์โบราณก็ได้ทิ้งข้อสงสัยถึงความสามารถในการก่อสร้างเอาไว้ให้กับนักโบราณคดีเป็นอย่างมากและหนึ่งในทิศดีในที่ปัจจุบันยังไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้อย่างชัดเจนได้ก็คือตำแหน่งของพีระมิดนั้นสามารถที่จะชี้ไปทางขั้วโลกเหนือได้อย่างแม่นยำแต่สิ่งที่หน้าสนใจก็คือชาวอียิปต์โบราณนั้นเขาได้ใช้อะไรเป็นตัวชี้ทางนำทิศทางกันแน่ทั้งๆที่ไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยสักหน่อยแต่ก็มีนักบราณคดีหนึ่งคนต่างก็ได้สันนิษฐานว่า

พวกเขาอาจจะใช้วิธีการสังเกตุการจากทิศทางจากกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวหมีเล็กแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็จะไม่ใช้เรื่องที่ง่ายเลยที่จะก่อสร้างอะไรสักอย่างที่ที่จะให้ชี้ไปทางขั้วโลกเหนือได้อย่างแม่นยำได้ขนาดนี้มันก็อาจจะเป็นเพราะชาวอียิปต์โบราณและจะมีการคำนวนที่ซับซ้อนอยู่ก็เป็นได้ว่ากันว่าไม่มีความแม่นยำขนาดไกลเคียงกับเส้นเมริเดียนที่ได้ลากผ่านเมืองกรีนิชในประเทศอังกฤษด้วยน่าทึ่งกันเลยใช่มั้ยล่ะและถ้าพวกเขาได้มีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้มันอาจจะกลายเป็นผู้ที่ก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

ความลับของพีระมิดที่ไม่อาจรู้มาก่อน

เราเชื่อวาหลายคนก็คงจะหลงไหลไปกับอารยธรรมอียิปต์เพราะมันได้เต็มไปด้วยความลึกลับและมีความเป็นอาถรรพ์สุดๆที่น่ากลัวที่สุดก็น่าจะเป็นคําสาปฟาโรห์นี่แหละแต่เนื่องจากข้อมูลที่ได้มีความเกี่ยวกับสฟิงซ์และพีระมิดที่เรานั้นได้รู้จัดกันแล้วแต่ก็ยังได้มีความลับซ้อนอยู่อีกมากมายและถ้าคุณนั้นอยากรู้เรามากไขปริศนากันเลย

หินทรงกลมลึกลับบนยอดพีระมิดที่หายไป

หลายคนก็อาจจะคิดว่ามหาพีระมิดแห่งกีซาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสุสานเท่านั้นแต่ก็ยังมีบางคนที่คิดว่าจริงๆแล้วมมันได้ถูกใช้ให้เป็นแหล่งผลิตและส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างหลากเล่าโดยนักโบราณคดีและนักทิศดีก็ได้เชื่อว่าที่นี่ก็หน้าจะใช้เป็นโรงงานไฟฟ้าด้วยการที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในที่ราบสูงกกีซ่าเพื่อที่จะได้ผลิตกระแสไฟฟ้ามันจะเป็นไปได้

หรือแต่ก็ยังได้มีสถาปนิกชาวสเปนกลับได้คิดต่างเนื่องจากพวกเขานั้นได้พบตัวเลขชี้วัตที่ไม่น่าจะถูกระบุอยู่บนยอดพีระมิดเข้าและได้คิดว่าในชาวอียิปต์โบราณได้วางสิ่งของที่เป็นวัตถุวงกลมเอาไว้ที่บนยอดของมันด้วยซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นแหล่งกำเนิดของไฟฟ้าหรือเป็นพลังงานอย่างที่ได้เข้าใจกันมันอาจจะมีเอาไว้เพื่อบูชาดวงอาทิตย์และดาวซีเรียสดาวที่สหว่างมากที่สุดในท้องฟ้าซึ่งมันก็ได้อยู่ในความดูแลของเทพีไอซิสก็ได้แต่ก้จะไม่มีใครที่จะรู้ว่าสรุปแล้วมันได้มีเอาไว้ทำอะไรแต่ถ้าเกิดว่ามันมีอยู่จริงๆคนที่ได้เป็นคนสร้างนั้นจัดได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะเลยจริงๆ

ห้องลับหลังหูของสฟิงซ์

ในขณะที่นักโบราณคดีก็ได้คิดค้นหาในการขุดหาห้องลับในตัวของสฟิงซ์ขึ้นอยู่นั้นแตก็ไม่มีใครที่จสังเกตุเห็นในส่วนที่เป็นห้องลับอยู่ที่หลังหูของมันเลยสักนิดเดียวแต่เรื่องก็ดันมาความแตกจากนั้นได้มีหนุ่มเด็กอัจฉริยะชาวรัฐเซียก็ได้ออกมาบอกว่ามันได้มีอยู่จริงๆโดยอ้างว่าในห้องลับดังกล่าวได้มีกลไกที่ซับซ้อนอยู่หากว่าได้มีการปลอดล็อกเมื่อไรสิ่งที่มีชีวิตอยู่บนโลกนั้นก็จะเปลี่ยนไปเมื่อคุณได้ฟังดูแล้วอาจจะไม่น่าเชื่อใช่หรือไม่แต่ลองมาสังเกตดูดีๆ

ก็จะพบเห็นช่องว่างนั้นจริงๆถึงเมื่อว่าคำกล่าวอ้างของเขานั้นจะทำให้นักโบราณคดีอียิปต์สั่นสะเทือนกันไปหน่อยแต่ก็อย่าพึ่งตกใจกันไปนะเพราะว่าห้องที่ได้กล่าวมานั้นยังไม่มีนักโบราณคดีคนไหนที่ได้ศึกษาเรื่องนี้ไปออกมาฟันธงหรือบอกว่าสรุปแล้วมันเป็นจริงอย่างที่เขาบอกจริงหรือไม่จึงทำให้ห้องลับแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนา

3ประเทศที่แย่เกินกว่าจะเยียวยา

3ประเทศที่แย่เกินกว่าจะเยียวยาและซ้อมแซมมันขึ้นมาใหม่ได้

เฮติ

เฮตินั้นเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปอเมริกาโดยสภาพเศรษฐกิจจะต้องหยุดซะงักความไร้เสถียรภาพทางการเมืองแทรกแซงจากต่างชาติและในการบริหารแบบผิดๆที่เรื้อรังมาเป็นเวลานานๆสหประชาชาติระบุว่ามีชาวเฮติจำนวน 5 ล้านคนจะคิดเป็น 40.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศอันเชิญภาวะการขาดสารอาหารนอกจากการไร้เสถียรภาพทางการเมืองการเผด็จการและการรัฐประหารที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในประเทศเล็กๆแห่งนี้จะต้องประสบภัยธรรมชาติสารพัดทั้งพายุเฮอริเคนและแผ่นดินไหวในการศึกษาที่ล้าหลังสุดๆให้ประชาชนยากจนข้นแค้นเป็นประเทศมีการทุจริตคอรัปชั่นสูงสุด

ดับต้นๆของโลกและทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีนักการเมืองครอบครองและยังได้มีระบบการเมืองที่อ่อนแอไม่สามารถที่จะบริหารประเทศได้ดีธานาธิบดีที่เป็นผู้นำประเทศเป็นได้เพียงแค่หุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจทางเด็ดขาดก่อให้เกิดการรัฐประหารและปฏิวัติมาครั้งแล้วครั้งเล่าและผลที่เกิดขึ้นก็คือความเร็วของประเทศความเจ็บปวดของประชาชนและในทุกวันนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่ามันจะดีขึ้นเลย

ซิมบับเว

ซิมบับเวมีชื่อเป็นทางการว่าสาธารณรัฐซิมบับเวอยู่ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาซึ่งได้เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลการพังย่อยยับภายใต้การปกครองระบบของ โรเบิร์ต มูกาเบ ที่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่2543 การบริหารจัดการที่ผิดพลาดอยากได้มีการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลมูกาเบ้ โดยที่ทางรัฐบาลออกกฎหมายใหม่ปฏิวัติจัดการที่ดินทำกินยึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดินไร่ดินที่ดินของคนผิวขาวและนำเอามาแจกคนผิวดำให้มีที่ดินทำกินโดยที่ไม่มีแผนการรองรับ

และยังไม่ได้ให้ความรู้ทักษะต่างๆแก่คนผิวดำไว้ก่อนเส้นทางไปเกาะเกิดการวิกฤตเงินเฟ้อเป็นอันดับที่สองประวัติศาสตร์ของโลกจากด้านปัญหาเศรษฐกิจจึงทำให้ประชาชนชาวซิมบับเวจะต้องเผชิญกับปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมายโดยเฉพาะปัญหาเรื่องสุขภาพมีรายงานว่ามีการติดเชื้อเอดส์ของชาวซิมบับเวได้ขึ้นสูงเป็นอันดับ 4 ของโลกหรือประชากรในวัยผู้ใหญ่มีโอกาสเสี่ยงจะติดเชื้อเอดส์อีกทั้งยังมีชาวซิมบับเวอีกหลายคนเสียชีวิตลงจากเอดส์ถึงปีละประมาณ 30,0000 คนเลยทีเดียว

เวเนซุเอล่า

ในครั้งหนึ่งเวเนซุเอล่าได้เคยเป็นประเทศที่ร้ำรวยที่สุดในประเทศลาตินอเมริกาแต่ในปัจจุบันนั้นพวกเขากำลังที่จะหมดสิ้นโดยซึ่งอาหารในโรงพยาบาลนั้นก็ยังเต็มไปด้วยเด็กไข้และในขณะที่หมอไม่มียาหรืออุปกรณ์ทางการพทย์มากเพียงพอที่จะทำการรักษาใดๆหรือแม้แต่ไฟฟ้าก็ยังไม่มีอะไรที่จะมารับประกันได้ว่ามันจะมีให้คนที่นี้ได้ใช้อยู่ตลอดเวลาแต่ที่ยังมีอยู่เหลืออยู่สิ่งเดียวก็คือความวุ่นวายเวเนซุเอล่าเป็นประเทศเดียวที่ได้มีน้ำมันดิบที่สำรองเอาไว้มากที่สุดในโลก

พวกเขาน่าจะมีแหล่งทำเงินได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแต่ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยเพราะตอนนี้งบประมาณของรัฐบาลเวเนซุเอล่ากำลังจะหมดลงราคาสินค้าก็พุ่งขึ้นสูงขณะที่โกลาหลของคนชั้นล่างซึ่งไม่พอใจที่คนชั้นสูงจำนวนน้อยควบคลุมของทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศนี้เอาไว้

สัตว์ที่ได้หายสาบสูญ

ในแต่ละวันที่มีสัตว์จำนวนมากมายที่ต้องสูญพันธ์ลงไปซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าในอีก40ปีต่อจากนี้จะมีสัตว์ป่าสูญพันธ์เพิ่มขึ้นมากอีกถึง50%เลยทีเดียวแต่ในบางครั้งเรากลับได้พบสัตว์ที่ได้สูญพันธ์ไปแล้วอีกรอบอย่างไม่หน้าเชื่อซึ่งในวันนี้จะขอพาคุณไปพบกับสัตว์ที่ได้สูญพันธ์ไปแล้วแต่กลับได้พบเห็นอีกครั้งหนึ่งมันจะมีตัวอะไรกันบ้างเราไปดูกันเลย

1 ค้างคาวลิตเติลบราวน์ – สหรัฐอเมริกา

หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกมันได้สูญพันธ์ไปแล้วจากโรคจมูกขาว ซึ่งได้เป็นเชื่อลาที่ได้เติบโตที่บริเวณที่รอบๆจมูกปากและปีกในขณะที่พวกมันกำลังจําศีลแต่ในปัจจุบันได้มีการพบเห็นเจ้าค้างคาวชนิดนี้มากขึ้นและก็คาดว่าอาจจะใช้เวลานานถึง30 ถึง 40ปีที่พวกมันนั้นจะกลับมามีจำนวนเท่าเดิมอีกครั้งก่อนที่จะเจอภาวะโรคจมูกขาว

2 โลมาแม่น้ำจีน – จีน

เป็นโลมาน้ำจืดที่อาศัยอยู่ในแม่น้ําแยงซีเกียงตอนกลางและตอนล่างของประเทศจีนจนมาได้ฉายาว่าเทพทิดาแห่งแม่น้ําแยงซีเกียง ซึ่งโลมาชนิดนี้เคยอาศัยอยู่ในแม่น้ําแยงซีเกียงกว่า1,000ตัว ในช่วงศตวรรษที่1950ก่อนที่จะถึงสภาวะอดอยากจากนั้นมาก็ไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลยตั้งแต่ในปี2007จนกระทั่งกลุ่มอนุรักษ์สมัคเล่นได้บังเอิญเข้ามาเจอและเชื่อว่าพวกมันยังคงมีชีวิตอยู่น้อยนิดในแม่น้ําแยงซีเกียง

3 ฟิชเชอร์ – สหรัฐอเมริกา

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์สายพันธ์เดียวกับพังพอน แต่ก็ไม่มีใครที่จะพบเจอเจ้าฟิชเชอร์อีกเลยตั้งแต่ศตวรรษที่1008เป็นต้นมาจนกระทั่งปีในเดือนพฤศจิกายนปี2016พวกมันกับได้มีการค้นพบอีกครั้งผ่ายทางกล้องวีดีโอที่ได้ตั้งถ่ายเอาไว้ในป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของมินนิโซต้าและได้รับการยื่นยันจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรรัฐไอโอวา ว่ามันคือเจ้าฟิชเชอร์ตัวจริงเสียจริง

4 ทากเบียร์ – เยรมันนี

เจ้าทากเบียร์ชนิดนี้ไม่เคยได้ถูกค้นพบในเยรมันนีมาตั้งแต่ในปี1935จนผู้เชียวชาญเชื่อกันว่าพวกมันนั้นได้สูญพันธ์ไปจากโลกนี้แล้วแต่เมือเดือนเมษยนในปี2017 ได้มีการค้นพบเจ้าทากเบียร์เป็นครั้งแรกในรอบ80ปีและนี่ก็ถือว่าเป็นการค้นพบสัตว์ที่เชื่อว่สได้สูญพันธ์ไปแล้วล่าสุดในขณะนี่

5 เสือโคร่งอินโดจีน – ไทย

เมื่อประมาณ100ปีก่อนนักวิทยาศาสตร์คาดว่ามีเสือโคร่งอินโดจีนกว่า100,000ตัวแต่หลังจากบุกรุกทำร้ายป่าในพื้นที่อยู่อาศัยของเสอโคร่งอินโดจีนจึงทำให้พวกมันได้มีจำนวนที่ลดลงแลพก็ไกล้จะสูญพันธ์แต่ล่าสุดได้มีการค้นพบเสือโคร่งอินโดจีนที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำให้นักอนุรักษ์มีโอกาสที่จะได้พบเสือโคร่งอิโดจีนในไทยมากขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

ตำนาน ทหาร ว้าแดง

วันนี้เราจะมามาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ กองทัพว้าแดง

ว่าเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากขนาดไหน กองทัพ ว้าแดงนั้นได้เก็บตัวเงียบมาตลาดในแวดวงการเมืองของประเทศหลังจากที่ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปีพุทธศักราช 2532 ทำให้กองทัพว้าแดงนั้นได้สิทธิในการปกครองตนเองบนพื้นที่ที่มีขนาดเท่ากับเบลเยียมติดกับพรมแดนจีนและได้กลายมาเป็นเขตกันชนให้กับทางจีน โดยกองทัพว้าแดงนั้นได้ถูกตราหน้าว่าเป็นขบวนการค้ายาเสพติดที่ติดอาวุทหนักที่สุดของเอเชียแต่ในขณะนี้กบฏคนกลุ่มน้อยชาว ว้า ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนได้ผงาดขึ้นมา

เป็นผู้เล่นคนสำคัญในกระบวนการเมียนมาร์ (พม่า)สืบเนื่องมาจากอิทธิพลที่แข็งแกร่งของจีนที่มีเหนือประเทศเพื่อบ้านเมื่อ นางอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนคนใหม่ของรัฐบาล เมียนมาร์ (พม่า) ได้มีการจัดประชุมสันติภาพรอบแรกกับกลุ่มชาติพันธต่างๆมากมายเมื่อปีที่แล้วและการเข้าร่วมเจรจาของ กองทัพว้าแดง เป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้นโดยกองทัพว้าแดงนั้น

ได้เกินขึ้นมาจากคนกลุ่มน้อยที่มีชื่อว่า ว้า ซึ่งเป็นชนชาติเก่าแก่ของเมียนมาร์ (พม่า)มีรกลากอยู่บริเวณตอนบนของรัฐฉานซึ่งมีชื่อเสียงของชาวว้าในสมัยก่อนนั้นเป็นที่หน้าสะพรึงกลัวของชนเผ่าอื่นเพราะพวกเขาได้ถูกขนาดนามว่าเป็นนักล่าหัวมนุษย์โดยในอดีคชนชาติว้านั้นประกอบอาชีพหลักคือการเพาะปลูกจนมาถึงในช่วงที่ก่อตั้งกองกำลัง ว้าแดง

จึงได้หันไปปลูกฝิ่นเพื่อขายระดมทุนมาใช้ในการทำสงครามปลดปล่อยกับรัฐบาลพม่าจนกลายมาเป็นรายได้หลักมหาศาลซึ่งส่งผมให้กองกำลังว้าแดงนั้นได้มีเงินซื้ออาวุธที่ทันสมัยมาใช้ต่อกลอนกัยรัฐบาลในการเติบโตของกองกำลังว้าแดงนั้นได้ทำให้รัฐบาลพม่าถึงต้องกับหนักใจเพราะกองกำลังว้าแดงได้กลายเป็นกองกำลังติดอาวุธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีกำลังพลถึง30,000นายแบ่งออกเป็น4กลุ่มตั้งรกลากอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ

โดยแต่ละกลุ่มจะมีผู้นำที่ติดต่อเป็นพันธมิตรระหว่างกันโดยรัฐบาลพม่านั้นได้ตระหนักถึงข้อนี้ดีถ้าทั้ง4กลุ่มรวมตัวกันโจมตีก็จะทำให้การปราบปรามทำได้ยากจึงได้แก้ปัญหาด้วยการทำสัญญาหยุดยิงในปีพุทธศักราช2533 ซึ่งข้อตกลงนี้รัฐบาลพม่าถึงว่าได้ประโยช์นเช่นกันเพราะสามารถใช้กองกำลังว้าแดงปราบชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่อยากจะแยกตัวออกจากพม่าได้เช่น กองกำลังรัฐฉานและในช่วงปีพุทธศักราช2551 ทางรัฐบาลพม่าได้ให้สิทธิ์ในการตั้งเขตปกครองตัวเองแก่กองกำลัง ว้าแดง ทั้งหมด6แห่งโดยมีศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองปางซาง พม่า ตั้งอยู่รัฐฉาน ติดอยู่กับมณฑลยูนนาน ประเทศจีน  

 

สนับสนุนโดย  9luck