เดือน: มีนาคม 2020

สิ่งก่อสร้างจากพีระมิดที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้

คนงานที่ได้รับค่าจ้างเป็นคนงานสร้างพีระมิด

หลายคนก็คงจะเข้าใจกันมาตลอดเลยว่าผู้ที่ได้ก่อสร้างพีระมิดคือแรงงานยิวที่จะต้องทำงานท้ามกลางแดดที่ร้อนระอุและจะถูกลงโทษอย่างหนักหากว่ามีการแอบพักได้สืบเนื่องมาจากทิศดีของ  เฮอรอโดทัส ได้เป็นนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกที่ได้ถูออธิบายเอาไว้จากนั้นทางฮอลลีวู้ดก็ได้นำเอาไปเป็นการสร้างภาพยนตร์จนมันดังอย่างมากแต่หลังจากนั้นมาเมื่อในปี1990หัวหน้านักโบราณคดีก็กลับได้พบความจริงจากการที่ได้ขุดค้นพบในสุสานแล้วว่าผู้ที่ก่อสร้างพีระมิดขึ้นมานั้น

ไม่ได้เป็นอย่างที่เรานั้นได้รู้จัดกันแต่มันเป็นช่างที่มีฝีมืดทางตอนเหนือและใต้ที่จะต้องการจะมีส่วนร่วมประวัติศษสตร์อันยิ่งใหญ่ต่างหากและจากหลักฐานที่ได้ค้นพบเจอมานั้นได้ว่ากันมาว่าได้มีแรงงานเป็นหมื่นๆคนโดยพวกเขานั้นจะได้รับค่าจ้างเป็นเนื้อสัตว์ในทุกๆวันและไม่ได้จะกินแต่ขนมปังอย่างที่ทุกคนนั้นได้เข้าใจกันแต่สิ่งที่ดูว่าหน้ามันจะเป็นจริงก็เห็นว่าจะเป็นงานที่หนักเอาการเนื่องจากได้มีการที่ได้ศึกษาด้านโครงกระดูกแล้วก็ได้พบว่าพวกเขานั้นได้มีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงมักจะเป็นโครข้อและกระดูกสันหลังอักเสบจึงมันได้ส่งผมให้อายุนั้นสั้นลงอย่างปกติทีนี้เราทุกคนก็จะเข้าใจอย่างตรงกันแล้วนะ

ตำแหน่งของพีระมิดที่ชี้ไปยังขั้วโลกเหนือ

สำหรับในการก่อสร้างพีระมิดของชาวอียิปต์โบราณก็ได้ทิ้งข้อสงสัยถึงความสามารถในการก่อสร้างเอาไว้ให้กับนักโบราณคดีเป็นอย่างมากและหนึ่งในทิศดีในที่ปัจจุบันยังไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้อย่างชัดเจนได้ก็คือตำแหน่งของพีระมิดนั้นสามารถที่จะชี้ไปทางขั้วโลกเหนือได้อย่างแม่นยำแต่สิ่งที่หน้าสนใจก็คือชาวอียิปต์โบราณนั้นเขาได้ใช้อะไรเป็นตัวชี้ทางนำทิศทางกันแน่ทั้งๆที่ไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยสักหน่อยแต่ก็มีนักบราณคดีหนึ่งคนต่างก็ได้สันนิษฐานว่า

พวกเขาอาจจะใช้วิธีการสังเกตุการจากทิศทางจากกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวหมีเล็กแต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็จะไม่ใช้เรื่องที่ง่ายเลยที่จะก่อสร้างอะไรสักอย่างที่ที่จะให้ชี้ไปทางขั้วโลกเหนือได้อย่างแม่นยำได้ขนาดนี้มันก็อาจจะเป็นเพราะชาวอียิปต์โบราณและจะมีการคำนวนที่ซับซ้อนอยู่ก็เป็นได้ว่ากันว่าไม่มีความแม่นยำขนาดไกลเคียงกับเส้นเมริเดียนที่ได้ลากผ่านเมืองกรีนิชในประเทศอังกฤษด้วยน่าทึ่งกันเลยใช่มั้ยล่ะและถ้าพวกเขาได้มีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้มันอาจจะกลายเป็นผู้ที่ก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

ความลับของพีระมิดที่ไม่อาจรู้มาก่อน

เราเชื่อวาหลายคนก็คงจะหลงไหลไปกับอารยธรรมอียิปต์เพราะมันได้เต็มไปด้วยความลึกลับและมีความเป็นอาถรรพ์สุดๆที่น่ากลัวที่สุดก็น่าจะเป็นคําสาปฟาโรห์นี่แหละแต่เนื่องจากข้อมูลที่ได้มีความเกี่ยวกับสฟิงซ์และพีระมิดที่เรานั้นได้รู้จัดกันแล้วแต่ก็ยังได้มีความลับซ้อนอยู่อีกมากมายและถ้าคุณนั้นอยากรู้เรามากไขปริศนากันเลย

หินทรงกลมลึกลับบนยอดพีระมิดที่หายไป

หลายคนก็อาจจะคิดว่ามหาพีระมิดแห่งกีซาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสุสานเท่านั้นแต่ก็ยังมีบางคนที่คิดว่าจริงๆแล้วมมันได้ถูกใช้ให้เป็นแหล่งผลิตและส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างหลากเล่าโดยนักโบราณคดีและนักทิศดีก็ได้เชื่อว่าที่นี่ก็หน้าจะใช้เป็นโรงงานไฟฟ้าด้วยการที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในที่ราบสูงกกีซ่าเพื่อที่จะได้ผลิตกระแสไฟฟ้ามันจะเป็นไปได้

หรือแต่ก็ยังได้มีสถาปนิกชาวสเปนกลับได้คิดต่างเนื่องจากพวกเขานั้นได้พบตัวเลขชี้วัตที่ไม่น่าจะถูกระบุอยู่บนยอดพีระมิดเข้าและได้คิดว่าในชาวอียิปต์โบราณได้วางสิ่งของที่เป็นวัตถุวงกลมเอาไว้ที่บนยอดของมันด้วยซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นแหล่งกำเนิดของไฟฟ้าหรือเป็นพลังงานอย่างที่ได้เข้าใจกันมันอาจจะมีเอาไว้เพื่อบูชาดวงอาทิตย์และดาวซีเรียสดาวที่สหว่างมากที่สุดในท้องฟ้าซึ่งมันก็ได้อยู่ในความดูแลของเทพีไอซิสก็ได้แต่ก้จะไม่มีใครที่จะรู้ว่าสรุปแล้วมันได้มีเอาไว้ทำอะไรแต่ถ้าเกิดว่ามันมีอยู่จริงๆคนที่ได้เป็นคนสร้างนั้นจัดได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะเลยจริงๆ

ห้องลับหลังหูของสฟิงซ์

ในขณะที่นักโบราณคดีก็ได้คิดค้นหาในการขุดหาห้องลับในตัวของสฟิงซ์ขึ้นอยู่นั้นแตก็ไม่มีใครที่จสังเกตุเห็นในส่วนที่เป็นห้องลับอยู่ที่หลังหูของมันเลยสักนิดเดียวแต่เรื่องก็ดันมาความแตกจากนั้นได้มีหนุ่มเด็กอัจฉริยะชาวรัฐเซียก็ได้ออกมาบอกว่ามันได้มีอยู่จริงๆโดยอ้างว่าในห้องลับดังกล่าวได้มีกลไกที่ซับซ้อนอยู่หากว่าได้มีการปลอดล็อกเมื่อไรสิ่งที่มีชีวิตอยู่บนโลกนั้นก็จะเปลี่ยนไปเมื่อคุณได้ฟังดูแล้วอาจจะไม่น่าเชื่อใช่หรือไม่แต่ลองมาสังเกตดูดีๆ

ก็จะพบเห็นช่องว่างนั้นจริงๆถึงเมื่อว่าคำกล่าวอ้างของเขานั้นจะทำให้นักโบราณคดีอียิปต์สั่นสะเทือนกันไปหน่อยแต่ก็อย่าพึ่งตกใจกันไปนะเพราะว่าห้องที่ได้กล่าวมานั้นยังไม่มีนักโบราณคดีคนไหนที่ได้ศึกษาเรื่องนี้ไปออกมาฟันธงหรือบอกว่าสรุปแล้วมันเป็นจริงอย่างที่เขาบอกจริงหรือไม่จึงทำให้ห้องลับแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนา

3ประเทศที่แย่เกินกว่าจะเยียวยา

3ประเทศที่แย่เกินกว่าจะเยียวยาและซ้อมแซมมันขึ้นมาใหม่ได้

เฮติ

เฮตินั้นเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปอเมริกาโดยสภาพเศรษฐกิจจะต้องหยุดซะงักความไร้เสถียรภาพทางการเมืองแทรกแซงจากต่างชาติและในการบริหารแบบผิดๆที่เรื้อรังมาเป็นเวลานานๆสหประชาชาติระบุว่ามีชาวเฮติจำนวน 5 ล้านคนจะคิดเป็น 40.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศอันเชิญภาวะการขาดสารอาหารนอกจากการไร้เสถียรภาพทางการเมืองการเผด็จการและการรัฐประหารที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในประเทศเล็กๆแห่งนี้จะต้องประสบภัยธรรมชาติสารพัดทั้งพายุเฮอริเคนและแผ่นดินไหวในการศึกษาที่ล้าหลังสุดๆให้ประชาชนยากจนข้นแค้นเป็นประเทศมีการทุจริตคอรัปชั่นสูงสุด

ดับต้นๆของโลกและทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีนักการเมืองครอบครองและยังได้มีระบบการเมืองที่อ่อนแอไม่สามารถที่จะบริหารประเทศได้ดีธานาธิบดีที่เป็นผู้นำประเทศเป็นได้เพียงแค่หุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจทางเด็ดขาดก่อให้เกิดการรัฐประหารและปฏิวัติมาครั้งแล้วครั้งเล่าและผลที่เกิดขึ้นก็คือความเร็วของประเทศความเจ็บปวดของประชาชนและในทุกวันนี้ก็ยังไม่มีท่าทีว่ามันจะดีขึ้นเลย

ซิมบับเว

ซิมบับเวมีชื่อเป็นทางการว่าสาธารณรัฐซิมบับเวอยู่ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาซึ่งได้เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลการพังย่อยยับภายใต้การปกครองระบบของ โรเบิร์ต มูกาเบ ที่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่2543 การบริหารจัดการที่ผิดพลาดอยากได้มีการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาลมูกาเบ้ โดยที่ทางรัฐบาลออกกฎหมายใหม่ปฏิวัติจัดการที่ดินทำกินยึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดินไร่ดินที่ดินของคนผิวขาวและนำเอามาแจกคนผิวดำให้มีที่ดินทำกินโดยที่ไม่มีแผนการรองรับ

และยังไม่ได้ให้ความรู้ทักษะต่างๆแก่คนผิวดำไว้ก่อนเส้นทางไปเกาะเกิดการวิกฤตเงินเฟ้อเป็นอันดับที่สองประวัติศาสตร์ของโลกจากด้านปัญหาเศรษฐกิจจึงทำให้ประชาชนชาวซิมบับเวจะต้องเผชิญกับปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมายโดยเฉพาะปัญหาเรื่องสุขภาพมีรายงานว่ามีการติดเชื้อเอดส์ของชาวซิมบับเวได้ขึ้นสูงเป็นอันดับ 4 ของโลกหรือประชากรในวัยผู้ใหญ่มีโอกาสเสี่ยงจะติดเชื้อเอดส์อีกทั้งยังมีชาวซิมบับเวอีกหลายคนเสียชีวิตลงจากเอดส์ถึงปีละประมาณ 30,0000 คนเลยทีเดียว

เวเนซุเอล่า

ในครั้งหนึ่งเวเนซุเอล่าได้เคยเป็นประเทศที่ร้ำรวยที่สุดในประเทศลาตินอเมริกาแต่ในปัจจุบันนั้นพวกเขากำลังที่จะหมดสิ้นโดยซึ่งอาหารในโรงพยาบาลนั้นก็ยังเต็มไปด้วยเด็กไข้และในขณะที่หมอไม่มียาหรืออุปกรณ์ทางการพทย์มากเพียงพอที่จะทำการรักษาใดๆหรือแม้แต่ไฟฟ้าก็ยังไม่มีอะไรที่จะมารับประกันได้ว่ามันจะมีให้คนที่นี้ได้ใช้อยู่ตลอดเวลาแต่ที่ยังมีอยู่เหลืออยู่สิ่งเดียวก็คือความวุ่นวายเวเนซุเอล่าเป็นประเทศเดียวที่ได้มีน้ำมันดิบที่สำรองเอาไว้มากที่สุดในโลก

พวกเขาน่าจะมีแหล่งทำเงินได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแต่ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยเพราะตอนนี้งบประมาณของรัฐบาลเวเนซุเอล่ากำลังจะหมดลงราคาสินค้าก็พุ่งขึ้นสูงขณะที่โกลาหลของคนชั้นล่างซึ่งไม่พอใจที่คนชั้นสูงจำนวนน้อยควบคลุมของทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศนี้เอาไว้

2ผู้นำประเทศที่มีความคลั่งอำนาจเห็นแก่ตัวมากเกินไป

ซาปาร์มูรัต นิยาซอฟ (เติร์กเมนิสถาน)

ซาปาร์มูรัต นิยาซอฟผู้นำที่สุดแสนจะหลงตัวเองแห่งเติร์กเมนิสถานผู้ประกาสตนหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อปี1991ว่าเขาจะปกครองประเทศนี้ตลอดไปเขาคือผู้ที่เปลี่ยนเติร์กเมนิสถานให้กลายเป็นดินแดนส่วนตัวของตัวเองโดยการตั้งชื่อแลนด์มาร์คที่สำคัญของประเทศถนนหรือแม้แต่สวนสาธารณะเพื่อให้เกียรติสรรเสริญตนเองอีกทั้งยังได้เปลี่ยนชื่อเรียกเดือนเมษายนให้เป็นชื่อมารดาของเขาด้วยนับตั้งแต่ขึ้นปกครองประเทศจนกระทั่งหมดวาระเมื่อเขาได้เสียชีวิตลง นิยาซอฟ ก็ได้ตั้งข้อบังคับแปลกๆขึ้นมาหลายอย่างเพื่อที่บังคับใช้กับปชากรราวๆกว่า5ล้านคนที่จำต้องอยู่ในกรอบนั้นอย่างที่ไม่มีทางเลือก

ไม่ว่าจะเป็นบังคับให้นาฬิกาทุกเรือนจะต้องมีรูปของตัวเองอยู่บนหน้าปัดทำวอดก้าแบรนด์ของตัวเองที่มีรูปของตนเป็นโลโก้ให้เด็กๆเคี่ยวกระดูกเพื่อฟันที่แข็งแรงแทนที่จะส่งเสริมในทางที่เหมาะสมสั่งปิดห้องสมุดของชุมชนเพื่อขักขวางแสวงหาความรู้ของผู้ที่อ่านออกเขียนได้สั่งห้ามให้ผู้ชายไว้หนวดหรือไว้หนวดเคาห้ามมีวิทยุฟังในรถห้ามร้องและบรรทึกเพลงและสิ่งที่ได้แสดงถือความหลงตัวเองอย่างสุดๆก็คือ การสั่งให้ตั้งชื่ออุกกาบาตขนาด300กิโลกรัมที่ได้พุ่งตกลงมาในเขตเติร์กเมนิสถาน1998ว่าเพื่อเป็นการแสดงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองด้วย

คิมจองอิล ( เกาหลีเหนือ )

คิมจองอิลอดีตผู้นำสูงสุดของเกาหลีดหนือซึ่งก็ได้จากโลกนี้ไปเมื่อในปี2011ที่พึ่งผ่านม่ามกลางประกาสที่จะดูเหมือนกับว่าประชาชนของเกาหลีเหนือก็กำลังตกอยู่ในความเศร้าอาลัยอย่างแสนสาหัสถึงกับต้องมารวมตัวกันเพื่อร้องไห้กับผู้ที่ได้เสียชีวิตไปแล้วแต่ในหลายๆคนก็ได้วิเคราะห์กันไปว่าในการที่ประชาชนนั้นได้ร้องไห้เพีงเพราะแสดงความหวาดกลัวประชาชนชาวเกาหลีเหนือก็ได้ถูกให้มาแสดงอาการโสกเศร้าเพื่อให้สื่อต่างประเทศได้เห็นหากใครที่ไม่แสดงความอาลับอาวอนให้สมทบบาทประชาชนผู้นั้นและครอบครัวก็จะถูกลงโทษเกาหลีเหนือก็ได้กลายเป็นดินแดนที่ไร้เสรีภาพในด้านสื่อศาสนาการศึกษา

และแน่นอนที่สุดก็คือว่าในด้านของการเมืองในยุคของคิมจองอิลก็ได้มีการจับนักโทษการเมืองกว่า200,000ราย จับจริงจากนั้นก็ได้ลงโทษกันอย่างจริงจังจนทำให้ชาวบ้านนั้นต่างหวาดกลัวในการแข็งข้อไม่ว่าจะเป็นการบังคับกดขี่มากซักเพียงใดก็ตามถึงแม้ว่าในความเป็นอยู่ของประชาชนจะต้องอดยากอย่างลำบากเหลือใจแต่ทางด้านผู้นำของประเทศกลับได้ใช้ชีวิตในทางตรงกันข้ามคิมจองอิลได้มีชีวิตที่กินดีอยู่ดีมีห้องใต้ดินที่เก็บวายชั้นเลิศเอาไว้เป็นพันๆขวดมีเที่ยวบินตรงจากญี่ปุ่นเพื่อเสริฟชูชิอย่างดีให้กับผู้นำและเขาก็ได้ใช้เงินมากกว่า 20ดอลลาร์

 

สนับสนุนโดย  next88

ทำไมรัฐฉานถึงไม่เข้าร่วมกับประเทศไทย

ในช่วงสมัยนั้นประเทศไทยเองก็ได้ทำเรื่องเอาไว้ไม่ดีมากชาวเชียงตุงในช่วงสมัยนั้นก็เลยเกียจประเทศไทยจึงได้เลือกที่จะไปขออยู่กลับประเทศพม่าและในความเห็นส่วนตัวจริงๆเขาก็คงอยากจะเป็นรัฐที่อิสระเพราะในสนธิสัญญา ปางโหลงค่อยข้างที่จะชัดเจนแต่ก็ดันมาโดยถูกหักหลังเสียก่อนไม่ใช่แค่ไทใหญ่ คะฉิ่น กระเหรี่ยงก็โดยกันไปทั่วหน้า

ในเวลาต่อมาเราไดคิดว่ารัฐฉานอยากจะมีเอกราชเป็นของตนเองแต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรู้อนาคตได้บ้านพี่เมืองน้องอย่างล้านนาดูเหมือนว่าจะรักษาเมืองเอาไว้ได้แต่พอได้มีการปฏิรูปการปกครองล้านนาก็เป็นอีกหนึ่งส่วนของสยามไปแล้วจากนั้นผู้คนก็ได้หล่อหลอมรวมกันเป็นชื่อไทย เขานั้นได้เป็นรัฐที่อิสระถึงในบางคราวจะเป็นประเทศราชชาติข้างเคียงแต่ก็จะต้องปกครองตนเองมาตลอด

และทำไมจะต้องมาเป็นอีกหนึ่งส่วนของประเทศไทยด้วยและรัฐบาลประเทญไทยในสมัยนั้นก็ไม่ได้มีนโยบายในการปกครองแบบสหพันธรัฐด้วยหากใครที่ได้มาเป็นหนึ่งส่วนของประเทศไทยก็จะต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลกรุงเทพเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นนอกจากนี้ฝฝรั่งเศษเองก็ได้ไปอ่านเจอว่าประเทศลาวของให้ประเทศไทยนั้นช่วยในการประกาสเอกราชจากประเทศฝรั่งเศษและจะขอเข้าร่วมเป็นสหพันธรัฐกับประเทศไทยโดยรัฐบาลไทยที่กรุงเทพก็อย่างปฏิเสธไปเลย

เนื่อจากนี้เองไทใหญ่นั้นจะเข้ามาอยู่กับประเทศไทยทำไมในเมื่อเหล่าสนธิสัญญา ปางโหลงในปี1947กำเนิดสหภาพพม่าในนั้นพม่าก็คือประเทศที่ได้เจริญเป็นอันสองในอาเชียลองมาจากฟิลิปปินส์ผู้ที่ส่งออกข้าวเป็นอันดันหนึ่งของโลกและยังได้ครองตลาดไม้สัก70%ของตลอดโลกประชากรรู้หนังสืออันดับหนึ่งในอาเชียควบคลุมเส้นทางการค้าขายระหว่างอินเดียกับจีนเป็นคู่ค้ากับโยกาสราเวยได้ครองลานนาที่มีคุณภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งและได้กำลังเริ่มขุดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหนึ่งในประเทศที่ได้เติบโตอย่างเร็วที่สุดในโลกและในขนาดนั้นประเทศไทยเองก็แทบจะไม่มีอนาคตกับเผด็จการทหารและประติวัต รัฐประหารกันเองจนกระทั่งในปีพุทธศักราช1962นายพลเนวี่นก็ได้เข้ามายึดครองอำนาจถ้าพม่าได้เข้าสู่ยุคเผด็จการทางทหาร

และปิดประเทศสงครามกลางเมืองจึงได้ทำให้ประเทศไทยนั้นได้เข้ามาครองตลาดเป็นผู้ส่งออกข้าวจากนั้นก็ได้ทำให้ประเทศไทยได้ขึ้นมามีวันนี้แต่จริงๆแล้วเขาก้อยากที่จะให้เป็นเอกราชซะมากกว่าเพื่อให้ขึ้นกับสยามแค่ในปัจจุบันเดินทางจากกรุงเทพไปแม่ฮ่องสอนก็ยังเดินทางยากถ้าจะต้องไปรัฐฉานจะเป็นอย่างไรคิดถ้าว่าล้านนาไม่ขึ้นกับสยามรัฐฉานอาจอยากจะรวมกับล้านนามากกว่าพม่าก็เป็นได้

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  rb88

สัตว์ที่ได้หายสาบสูญ

ในแต่ละวันที่มีสัตว์จำนวนมากมายที่ต้องสูญพันธ์ลงไปซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าในอีก40ปีต่อจากนี้จะมีสัตว์ป่าสูญพันธ์เพิ่มขึ้นมากอีกถึง50%เลยทีเดียวแต่ในบางครั้งเรากลับได้พบสัตว์ที่ได้สูญพันธ์ไปแล้วอีกรอบอย่างไม่หน้าเชื่อซึ่งในวันนี้จะขอพาคุณไปพบกับสัตว์ที่ได้สูญพันธ์ไปแล้วแต่กลับได้พบเห็นอีกครั้งหนึ่งมันจะมีตัวอะไรกันบ้างเราไปดูกันเลย

1 ค้างคาวลิตเติลบราวน์ – สหรัฐอเมริกา

หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกมันได้สูญพันธ์ไปแล้วจากโรคจมูกขาว ซึ่งได้เป็นเชื่อลาที่ได้เติบโตที่บริเวณที่รอบๆจมูกปากและปีกในขณะที่พวกมันกำลังจําศีลแต่ในปัจจุบันได้มีการพบเห็นเจ้าค้างคาวชนิดนี้มากขึ้นและก็คาดว่าอาจจะใช้เวลานานถึง30 ถึง 40ปีที่พวกมันนั้นจะกลับมามีจำนวนเท่าเดิมอีกครั้งก่อนที่จะเจอภาวะโรคจมูกขาว

2 โลมาแม่น้ำจีน – จีน

เป็นโลมาน้ำจืดที่อาศัยอยู่ในแม่น้ําแยงซีเกียงตอนกลางและตอนล่างของประเทศจีนจนมาได้ฉายาว่าเทพทิดาแห่งแม่น้ําแยงซีเกียง ซึ่งโลมาชนิดนี้เคยอาศัยอยู่ในแม่น้ําแยงซีเกียงกว่า1,000ตัว ในช่วงศตวรรษที่1950ก่อนที่จะถึงสภาวะอดอยากจากนั้นมาก็ไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลยตั้งแต่ในปี2007จนกระทั่งกลุ่มอนุรักษ์สมัคเล่นได้บังเอิญเข้ามาเจอและเชื่อว่าพวกมันยังคงมีชีวิตอยู่น้อยนิดในแม่น้ําแยงซีเกียง

3 ฟิชเชอร์ – สหรัฐอเมริกา

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์สายพันธ์เดียวกับพังพอน แต่ก็ไม่มีใครที่จะพบเจอเจ้าฟิชเชอร์อีกเลยตั้งแต่ศตวรรษที่1008เป็นต้นมาจนกระทั่งปีในเดือนพฤศจิกายนปี2016พวกมันกับได้มีการค้นพบอีกครั้งผ่ายทางกล้องวีดีโอที่ได้ตั้งถ่ายเอาไว้ในป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของมินนิโซต้าและได้รับการยื่นยันจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรรัฐไอโอวา ว่ามันคือเจ้าฟิชเชอร์ตัวจริงเสียจริง

4 ทากเบียร์ – เยรมันนี

เจ้าทากเบียร์ชนิดนี้ไม่เคยได้ถูกค้นพบในเยรมันนีมาตั้งแต่ในปี1935จนผู้เชียวชาญเชื่อกันว่าพวกมันนั้นได้สูญพันธ์ไปจากโลกนี้แล้วแต่เมือเดือนเมษยนในปี2017 ได้มีการค้นพบเจ้าทากเบียร์เป็นครั้งแรกในรอบ80ปีและนี่ก็ถือว่าเป็นการค้นพบสัตว์ที่เชื่อว่สได้สูญพันธ์ไปแล้วล่าสุดในขณะนี่

5 เสือโคร่งอินโดจีน – ไทย

เมื่อประมาณ100ปีก่อนนักวิทยาศาสตร์คาดว่ามีเสือโคร่งอินโดจีนกว่า100,000ตัวแต่หลังจากบุกรุกทำร้ายป่าในพื้นที่อยู่อาศัยของเสอโคร่งอินโดจีนจึงทำให้พวกมันได้มีจำนวนที่ลดลงแลพก็ไกล้จะสูญพันธ์แต่ล่าสุดได้มีการค้นพบเสือโคร่งอินโดจีนที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำให้นักอนุรักษ์มีโอกาสที่จะได้พบเสือโคร่งอิโดจีนในไทยมากขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  dewabet

ตำนาน ทหาร ว้าแดง

วันนี้เราจะมามาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ กองทัพว้าแดง

ว่าเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากขนาดไหน กองทัพ ว้าแดงนั้นได้เก็บตัวเงียบมาตลาดในแวดวงการเมืองของประเทศหลังจากที่ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปีพุทธศักราช 2532 ทำให้กองทัพว้าแดงนั้นได้สิทธิในการปกครองตนเองบนพื้นที่ที่มีขนาดเท่ากับเบลเยียมติดกับพรมแดนจีนและได้กลายมาเป็นเขตกันชนให้กับทางจีน โดยกองทัพว้าแดงนั้นได้ถูกตราหน้าว่าเป็นขบวนการค้ายาเสพติดที่ติดอาวุทหนักที่สุดของเอเชียแต่ในขณะนี้กบฏคนกลุ่มน้อยชาว ว้า ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนได้ผงาดขึ้นมา

เป็นผู้เล่นคนสำคัญในกระบวนการเมียนมาร์ (พม่า)สืบเนื่องมาจากอิทธิพลที่แข็งแกร่งของจีนที่มีเหนือประเทศเพื่อบ้านเมื่อ นางอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนคนใหม่ของรัฐบาล เมียนมาร์ (พม่า) ได้มีการจัดประชุมสันติภาพรอบแรกกับกลุ่มชาติพันธต่างๆมากมายเมื่อปีที่แล้วและการเข้าร่วมเจรจาของ กองทัพว้าแดง เป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้นโดยกองทัพว้าแดงนั้น

ได้เกินขึ้นมาจากคนกลุ่มน้อยที่มีชื่อว่า ว้า ซึ่งเป็นชนชาติเก่าแก่ของเมียนมาร์ (พม่า)มีรกลากอยู่บริเวณตอนบนของรัฐฉานซึ่งมีชื่อเสียงของชาวว้าในสมัยก่อนนั้นเป็นที่หน้าสะพรึงกลัวของชนเผ่าอื่นเพราะพวกเขาได้ถูกขนาดนามว่าเป็นนักล่าหัวมนุษย์โดยในอดีคชนชาติว้านั้นประกอบอาชีพหลักคือการเพาะปลูกจนมาถึงในช่วงที่ก่อตั้งกองกำลัง ว้าแดง

จึงได้หันไปปลูกฝิ่นเพื่อขายระดมทุนมาใช้ในการทำสงครามปลดปล่อยกับรัฐบาลพม่าจนกลายมาเป็นรายได้หลักมหาศาลซึ่งส่งผมให้กองกำลังว้าแดงนั้นได้มีเงินซื้ออาวุธที่ทันสมัยมาใช้ต่อกลอนกัยรัฐบาลในการเติบโตของกองกำลังว้าแดงนั้นได้ทำให้รัฐบาลพม่าถึงต้องกับหนักใจเพราะกองกำลังว้าแดงได้กลายเป็นกองกำลังติดอาวุธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีกำลังพลถึง30,000นายแบ่งออกเป็น4กลุ่มตั้งรกลากอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ

โดยแต่ละกลุ่มจะมีผู้นำที่ติดต่อเป็นพันธมิตรระหว่างกันโดยรัฐบาลพม่านั้นได้ตระหนักถึงข้อนี้ดีถ้าทั้ง4กลุ่มรวมตัวกันโจมตีก็จะทำให้การปราบปรามทำได้ยากจึงได้แก้ปัญหาด้วยการทำสัญญาหยุดยิงในปีพุทธศักราช2533 ซึ่งข้อตกลงนี้รัฐบาลพม่าถึงว่าได้ประโยช์นเช่นกันเพราะสามารถใช้กองกำลังว้าแดงปราบชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่อยากจะแยกตัวออกจากพม่าได้เช่น กองกำลังรัฐฉานและในช่วงปีพุทธศักราช2551 ทางรัฐบาลพม่าได้ให้สิทธิ์ในการตั้งเขตปกครองตัวเองแก่กองกำลัง ว้าแดง ทั้งหมด6แห่งโดยมีศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองปางซาง พม่า ตั้งอยู่รัฐฉาน ติดอยู่กับมณฑลยูนนาน ประเทศจีน  

 

สนับสนุนโดย  9luck

ประเพณีล้านนา

ประเพณีล้านนา ประเพณียี่เป้ง

       สำหรับประเพณียี่เป็งเป็นประเพณีของชาวภาคเหนือที่นิยมจัดกันทุกปี โดยจะเลือกจัดงานตรงกับวันลอยกระทงของปีนั้นนั้น คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณ เดือนพฤศจิกายน  ยี่เป็งเป็นภาษาล้านนา โดยมีการแยกคำออกมาว่า ยี่ ในทางภาษาของลานนานั้นหมายถึง เดือนสอง ซึ่งเดือนนี้เป็นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีในความหมายของคนล้านนา

ส่วนคำว่าเป็งนั้น ในภาษาล้านนาหมายถึง พระจันทร์ในคือวันเพ็ญวันจันทร์ขึ้นเต็มดวง 

สำหรับการจัดเตรียมงานฉลองเทศกาลยี่เป็งนั้นทางชาวล้านนาจะมีการเตรียมตัวกันตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ซึ่งวันดังกล่าวจะเป็นการเริ่มต้นการเตรียมงาน โดยจะเป็นการเรียมข้าวของ ทั้งอาหาร ขนมและอื่นอื่นอีกมากมาย สำหรับจะเอาไว้ไปทำบุญทีวัดในวันขึ้น 14 ค่ำ และพอตกลางคืนของวันขึ้น 15 ค่ำก็จะเป็นการเริ่มงานประเพณียี่เป็ง

โดยภายในงานจะมีการจัดทำกระทงไปลอยในแม่น้ำ ซึ่งถือว่าเป็นการลอยกระทงเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์ทุกองค์ตามความเชื่อของชาวล้านนา รวมถึงการขมาต่อแม่น้ำคงคา ที่มีการนำน้ำในแม่น้ำลำคลองมาใช้สำหรับกินและอาบ ซึ่งในวันนี้ชาวบ้านต่างก็จะพากันจัดทำโคมเพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือนให้มีความสวยงาม รวมถึงจะมีการจัดงานทำบุญ ฟังเทศมหาชาติ ซึ่งชาวบ้านจะนำโคมมาตกแต่งทำซุ้มประตู นำมาประดับตกแต่งภายในงานที่จะใช้สำหรับให้พระสงฆ์นั่งเทศนาอีกด้วย

นอกจากนี้ยังจะมีการประดับไฟทั่วทั้งหมู่บ้านอย่างสวยงาม ในตอนพลบค่ำชาวบ้านต่างก็จะมารวมกันเดินทางไปที่โบสถ์เพื่อบูชาเทียน โดยมีความเชื่อกันว่าเป็นการต่อชะตา สะเดาะเคราะห์ และรับโชค รับพร โดยจะมีการทำไส้เทียนเท่ากับอายุตัวเอง และยังมีการเขียนวันเดือนปีเกิดตัวเองลงในกระดาษสา และเมื่อนำไปประกอบพิธีกรรมในโบสถ์เสร็จแล้วก็จะนำเทียนดังกล่าวกลับมาใช้ที่บ้าน ทั้งเอาไว้จุดบูชาพระ  จุดดอกไม้ไฟ หรือเอาไว้จุดปล่อยโคมไฟ 

     สำหรับเทศกาลประเพณียี่เป็งนี้ นอกจากทำบุญ และลอยกระทงแล้ว สิ่งที่เป็นไฮไลของงานที่ผู้คนนิยมเดินทางร่วมงานประเพณียี่เป็งกันมากที่สุดก็คือ การจุดโคมไฟให้ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยจะมีโคมไฟลอยขึ้นฟ้าเป็นจำนวนมากกว่า หนึ่งพันดวง ทำให้ท้องฟ้าสวยงามมองขึ้นไปเหมือนมีดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด

ซึ่งท้องฟ้าในวันนี้จะเป็นเหมือนแสงสีแสด เปล่งประกายระยิบระยับ และประเพณีจัดกันทุกจังหวัดของภาคเหนือ แต่จะมีการจัดงานกันแบบยิ่งใหญ่ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวงานมากที่สุดคือที่ จังหวัดเชียงใหม่

 

สนับสนุนโดย  sagame

ประเพณีบุญผะเหวด

ดอกงิ้วป่าที่จะต้องเตรียมเอาไว้ประมาณ1,000ดอกเพื่อเป็นเครื่องบูชาคาถาพันที่ใช้ในงานบุญผะเหวดของชาวภาคอีสาน

ดอกงิ้วป่า ดอกมันปลา และ ดอกปีบ ที่ได้นำเอามาตากให้แห้งและมีกลิ่นหอมอ่อนๆซึ่งเป็นดอกไม้ในจำนวนของ10ชนิดที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างละ1,000ดอกเพื่อเป็นเครื่องที่จะเอาไว้บูชาคาถาพัน หรือ คาถาที่เอาไว้ใช้เทศน์ในงานบุญผะเหวดตามแบบโบราณ

ซึ่งได้เชื่อว่าจะสามารถคุ้มครองชุมชนและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายการหาดอกไม้ป่าและเครื่องบูชาในงานบุญผะเหวดที่ครบถ้วนตามแบบโบราณซึ่มันหาดูได้ยากในปัจจุบันนอกจากแต่ละชุมชนอาจจะปรับลดเพื่อที่ความสะดวกสบายทำให้มหาวิทยาลัยสารคามร่วมกับชุมชนโดยรอบรื้อฟื้นเครื่องทำบูชาและอนุลักษณ์การทำบุญผะเหวดตามแบบประเพณีดั่งเดิมของชาวลาวและชาวอีสานเพื่อที่จะให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาถึงแม้ว่าทางเหล่าคณะอาจราย์จะไม่พากันรื้อฟื้นชาวบ้านแถวนั้นก็จะต้องทำกันเองเพราะว่ามันจะขาดไม่ได้เลย

สำหรับงาน บุญผะเหวดและไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ชั่งยังไงก็จะต้องทำอีสานจะต้องทำบุญผผะเหวดปีหนึ่ง จะต้องทำบุญผะเหวด1ครั้งต่อปีและจะต้องเป็นเดือน4เท่านั้นเดือน5จะทำไม่ได้อีกทั้งชาวบ้านแถวนั้นก็ยังเชื่ออีกว่าในการทำบุญผะเหวดนี้จะช่วยทำให้หมู่บ้านนั้นได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขและถ้ามีการจัดงานและทำไม่ถูกก็ไม่ดีไปอีกและทั้งนี้

ชาวบ้านแถวนั้นยังได้บอกอีกว่าบุญที่สำคัญนั้นจะต้องเป็นบุญผะเหวดจนได้มีการเขียนบันทึกเอาไว้และได้สืบทอดต่อลูกต่อหลานกันมาว่าชุมชนไหนก็ชั่งถ้าไม่ทำบุญผะเหวดเพื่อเป็นการบูชาเทพมหาธาตุนั้นจะเกิดเหตุไฟจะไหม้เมืองเกิดความไม่มั่งคลต่อบ้านเมืองแต่ถ้าหากหมู่บ้านที่ไหนๆได้จัดงานทำบุญผะเหวดอย่างถูกต้องพระคาถาพันท่านจะคุ้มครองทั้วหมดทั้งประเทศและในพื้นที่แห่งนั้นๆนั่นก็จะหมายความว่าชาวบ้านแถวนั้นก็จะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขสำหรับในการเขียนภาพผะเหวดขนาดเล็กโดยที่ใช้ผ้าไหมและในการทำเทียนหางหนู

โดยจะตัดฝ่ายให้เป็นเส้นยาวได้นำเอามาชุมขี้ผึ้งแท้ที่ได้นำเอามาจากปนะเทศลาวตามความเชื่อเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งการแกะสลักต้นหม่อนให้กลายมาเป็นดอกโนซึ่งเป็นเพียวส่วนหนึ่งของการเตรียมงานบุญผะเหวดที่จะต้องอาศัยความรวมมือของคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนปัจจุบันในการเตรียมเครื่องบูชาและดอกไม้ป่าตามที่บันทึกเอาไว้ในตำนานโบราณทำได้ลำบากเพราะวัตถุดิบนั้นมันหาได้ยากกว่าในอดีต

งานบุญเทศน์มหาชาติของชาวบ้านชีทวน

บุญผะเหวด งานบุญเทศน์มหาชาติของชาวบ้านชีทวน

พอถึงเดือน4ให้พากันเก็บดอกจานสารบั้งไม้ไผ่ปักดอกจิกข้อความนี้ได้มีการกล่าวถึงชาวอีสานมาแต่เก่าก่อนเพราะดอกจิกดอกจานจะบานราวเดือน3ชาวบ้านจะพากันเก็บดอกไม้เหล่านี้นำเอามาร้อยเป็นพวงมาลัยเพื่อตกแต่งศาลาเปรียญสำหรับเอาไว้จัดงานบุญใหญ่คือ งานบุญผะเหวด หรือที่รู้จัดกันโดยทั่วไปคือบุญมหาชาติเป็นงานบุญประเพเณีฮีตสิบสองของชาวอีสานวันนี้เราจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับงานบุญผะเหวดหรืองานบุญมหาชาติของชาวชีทวนอําเภอเขื่องในจังหวัดอุบลราชธานีเป็นงานบุญที่ของชาวชีทวนยังคงอนุรักษ์วิถีชุมชนดั่งเดิมเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้สืบสารกันต่อไป

บุญผะเหวดเป็นการออกเสียงตามสำนองของชาวอีสาน

ซึ่งมาจากคำว่าพระเวทบุญผะเหวดเป็นการจัดงานบุญเพื่อที่จะให้ชาบ้านนั้นรำลึกถึงพระเวสสันดรผู้บำเพ็ญบารมีอันยิ่งใหญ่ก่อนที่จะมาเสวยชาติเป็นองค์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติต่อมาหัวใจที่สำคัญของงานบุญผะเหวดคือการเทศน์มหาชาติ13กันในฮีตสิบสองของชาวอีสานถือว่างานบุญผะเหวดเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฮีตสิบสองนิยมจัดงานกันในช่วงเดือน3ถึงเดือน4งานประเพณีชีทวนเดือน4นั้นจะต้องทำเป็นประจำและถ้าไม่ทำเชื่อกันว่าอาจจะทำให้ฝนแร้งอะไรประมาณนั้นนอกเหนือจากบุญบั้งไฟเดือน6บุญมหาชาติฝนก็ได้ตกมาสารพัดที่ได้ตกลงมาเมื่อครั้งพุทธกาล

 

และบางครั้งในตอนที่ยังเป็นเวสสันดอนก็ดีถือได้ว่าเป็นฝนที่ตกลงมาอย่างสารพัดที่ทำให้เกิดความเป็นสิริมงคลและนั่นพวกชาวบ้านก็จึงได้จักงานทำบุญผะเหวดกันและก็ฟังเทศน์ตลอดทั้งวันเพื่อให้จบทั้ง13กันมีนกระทั้งปรารถนาว่าเกิดชาติหน้าต่อๆไปจะได้เกิดรวมกับพระศรีอริยเมตไตรย ชาวชีทวนยังคงรักษาประเพณีเก่าก่อนในการจัดงานบุญผะเหวดคือมีวันโฮมและวันฟังเทศน์วันโฮมหรือวันรวมเป็นวันที่จะต้องรวมมือรวมใจกันของผู้คนในชุมชนเพื่อที่จะได้เตรียมงานเทศน์มหาชาติได้มีการจัดตกแต่งศาลาหรือสถานที่ที่จะใช้จัดงานเตรียมเครื่องสักการะดอกไม้ธูปเทียนข้าวตอกข้าวพันก้อน

 

และเครื่องคาวหวานสำหรับผีเปรดโดยรอบๆศาลาจะมีการแขวงภาพผะเหวดเป็นเรื่องราวของพระเวสสันดรตั้งแต่กันที่1ถึงกันสุดท้ายและซึ่งที่ขาดไม่ได้เลยในงานบุญผะเหวดของชาวอีสานไม่ได้เลยก็คือข้าวปุ้นหรือขนมจีนจะต้องมีการจัดเตรียมเอาไว้ให้พร้อมสำหรับแขก บุญผะเหวดถ้าจะให้พูดเป็นภาษากลางเรยกบุญมหาชาติ มหา แปลว่าใหญ่ ชาติ แปลว่า  การเกิดขององค์สมเด็จขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นชาติสุดท้าย