ป้ายกำกับ: entaplay

ตำนาน Chained Oak-ต้นโอ๊กที่ถูกล่ามโซ่

       ตำนานเกี่ยวกับต้นโอ๊คนี้เป็นตำนานเก่าแก่ของประเทศอังกฤษว่ากันว่ามีอายุมามากกว่า 200 ปีมาแล้วเป็นเรื่องราวอาถรรพ์และเกี่ยวกับเรื่องของการสาปแช่งเลยต้องออกที่เรากำลังจะพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ซึ่งตอนนี้ต้องเอาต้นนี้ถือว่าเป็นต้นโอ๊กที่เก่าแก่ที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านอัลตัน  ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของรัฐสแตฟฟอร์ดเชียร์ โดยต้นโอ๊กนี้จะขึ้นในอยู่ในป่า ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ  ตำนานเกี่ยวกับนัต้นโอ๊กนั้น เป็นตำนานต้องคำสาป

ซึ่งมีมาแต่โบราณโดยระบุว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศักราช 1830 ในตำนานนี้ที่พูดถึงครอบครัวตระกูล เอิร์ล ซึ่งสกุลนี้ถือได้ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่และเป็นตระกูลขุนนางในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้เรื่องเล่ามีอยู่ว่าในขณะที่ เอิร์ล กำลังเดินทางออกจากที่ทำงานเพื่อจะไปที่บ้านของเขานั้นระหว่างทางเอิร์ล

ได้พบกับผู้หญิงแก่คนหนึ่งซึ่งเธอนั้นออกมายืนอยู่ริมถนนขวางรถม้าของเขาเอาไว้เลยเธอนั้นร้องขอเงินจากเอิร์ล ซึ่งเป็นเงินที่ไม่สูงมากนักเพียงแค่ประมาณ 1 เหรียญเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เอิร์ลทำนั่นก็คือเขาไล่หญิงชราคนนั้นไม่ให้มาขวางทางรถม้าของเขาอีกทั้งยังด่าทออย่างหยาบคายทำให้หญิงชราคนนั้นเกิดความไม่พอใจในที่สุดเธอ

ก็ได้เอ่ยคำสาปแช่งเอิร์ลออกมาด้วยคำสาปแช่งของเธอนั้นเป็นการสาปแช่งตระกูลของเอิร์ล เลยก็ว่าได้เพราะว่าหญิงชายคนนั้นบอกว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถ้าหากต้นโอ๊กที่อยู่ข้างทางตอนนี้มีกิ่งหักลงมาเมื่อไหร่จะส่งผลให้คนในครอบครัวของเอิร์ล คนใดคนหนึ่งนั้นจะต้องเสียชีวิตลงและทุกครั้งที่กิ่งของต้นโอ๊กก็จะมีคนเสียชีวิตทุกครั้งโดยคนนั้นจะเป็นคนในตระกูลของเอิร์ล  ทั้งสิ้นและแน่นอนว่าเอิร์ล ไม่เชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วเขาจึงได้เดินทางกลับบ้านแต่อย่างไรก็ตามในคืนวันนั้นเอง

อยู่ๆคนในครอบครัวของเอิร์ล ก็เสียชีวิต 1 คนซึ่งรับไปดูที่ต้นโอ๊คแล้วปรากฏว่าในคืนนั้นมีพายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทำให้กิ่งโอ๊คนั้นหักออกมา 1 กิ่งซึ่ง เอิร์ล ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าจะเป็นเพราะคำสาปแช่งแต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่มีต้นโอ๊กหักก็จะมีคนในตระกูลของเอิร์ล เสียชีวิตทำให้เอิร์ล

เรื่องเสื้อกับคำสาปแช่งนั้นจึงสั่งให้คนงานนำโชคขนาดใหญ่ไปมัดต้นโอ๊กเอาไว้เพื่อมิให้ กิ่งของต้นโอ๊กก็ลงมานั่งเองปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวหลายคนต่างก็พากันเดินทางไปดูต้นโอ๊กวันนี้ซึ่งลักษณะของต้นยังคงมีโซ่เก่าแก่ของอยู่และที่สำคัญบริเวณรอบต้นโอ๊กนั้นก็จะมีการทำทางเดินซึ่งเป็นม้าหินขึ้นไปสู่นักต้นโอ๊กต้นดังกล่าว  ตำนานเก่าแก่นี้ก็ยังคงมีการเล่าขานกันอยู่เรื่อยมา

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่พากันเดินทางไปเที่ยวที่นี่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขานั้นเชื่อเกี่ยวกับเรื่องตำนานนี้อย่างแน่นอนเพราะเมื่อเขาเดินทางไปเห็นโซ่เก่าแก่ที่คล้องอยู่กับต้นไม้เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของต้นไม้ต้นนี้ราวกับว่ามันไม่อยากให้ใครไปเข้าใกล้มันนั่นเอง

 

สนับสนุนมาจาก  entaplay

คดีที่ทำให้ทางการFBIสะเทือนใจ

บอนนี และไคลด์ คู่แท้จอมโจร

บอนนี และ ไคลด์ ได้โด่งดังขึ้นมาในหลังเดือนมีนาคมในปี1933 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าบุกในพื้นที่กบดานของชาวแก๊งของเขาได้ ซึ่งโดยทั้งคู่นั้นได้สามารถหลบหนีออกไปได้พร้อมกับได้ฆ่าเจ้าหน้าที่ไปอีกประมาณ2นายเมื่อได้เข้าตรวจค้นในสถานที่เจ้าหน้าที่ก็ได้พบเข้ากับบทกลอนของฝันของบอนนีที่มีความเกี่ยวข้องกับการผจญภัยของทั้งคู่

อีกทั้งยังมาพร้อมกับภาพถ่ายอีกมากมายและเมื่อรูปภาพเหล่านี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปผ่านยังสื่อก็ได้ทำให้ทางด้านสังคมได้เกิดจินตนาการไปไกลถึงความสำพันของคู่รักคู่นี้มันจึงได้ทำให้เกิดข่าวรือและความเชื่อแบบผิดๆตามมาไม่ว่าจะเปฌนเรื่องที่ตัวเขานั้นไปปล้นแต่คนที่รวยและธนาคารในทั้งที่ส่วนใหญ่เหยื่อของพวกเขาก็คือในร้านค้าที่มีขนาดเล็กตามทั่วไปมันจึงได้ทำให้พวกเขานั้นได้กลายมาเป็นฮีโร่ของชาวบ้านในยุคของเศรษฐกิจตกต่ำ

และในช่วงเวลาที่ความโกรธแค้นต่อธนาคารและสถาบันด้านการเงินนั้นยังมีอยู่นั่นเองทางด้านทางการFBIก็ได้ลงในพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนและก็ยังได้ข้อมูลและที่อยู่อย่างแน่ขัดแล้วว่าบอนนี และ ไคลด์ ได้อาศัยอยู่ในเขตห่างไกลจากทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของชุมชนดังกล่าวในบ้านของครอบครัวและในเวลาต่อมาทางการก็ยังได้ข้อมูลอีกหนึ่งชิ้นว่าบอนนี และ ไคลด์กับสมาชิกในครอบครัวรวมไปถึงเม็ดวิ้นในบางส่วนต่างก็ได้ร่วมกับจัดงานปาร์ตี้ที่แบ็คแลชในหลุยส์เซียน่าในวันคือที่21พฤษภาคมในปี1934 และในทั้งคู่นั้นประมาณในอีกสองวันก็จะเดินทางกลับมาต่อมาในวันที่23พฤษภาคมในปี1934

ทางการเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลุยส์เซียน่าและในรัฐเท็กซัสรวมไปถึงเจ้าหน้าที่เท็กซัสเขาก็ได้ซุ่มตัวเองอยู่ในพุ่มไม้ริมข้างทางหลวงที่ไกล้กับไซเลซจนในกระทั่งบอนนี และ ไคลลด์ก็ได้มาปรากฏตัวที่รถยนต์ทางการเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งเข้าไปจับกุลบอนีและไคลด์ในทันทีแต่ในทั้งคู่นั้นต่างก็จะพยายามที่จะหาทางหลบหนีจากทางการเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาจับกุลตัวบอนนีลไคลด์

จากนั้นทางการเจ้าหน้าที่กได้ทำการที่จะเปิดฉากยิงออกไปจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทางด้านบอนนีและไคลด์ได้เสียชีวิตลงในทันทีจากนั้นทางด้านคดีของบอนนีและไคลด์ก็ได้สิ้นสุดลงในทันทีที่ได้มีการเปิดฉากยิงเขาทั้งสองทางการเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่มีทางเลือกในระหว่างที่บอนนีและไคลด์กำลังที่จะหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เปิดฉากยิงบอนนีและไคลด์ในทันทีที่เขาทั้งสองคนนั้นกำลังพยายามที่จะหลบหีจากเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาจับกุมตัวเขาทั้งสอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  entaplay