ผู้เขียน: admin

ความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ฉันเคยมีประสบการณ์ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนในเกาหลีใต้

ความแตกต่างทางวัฒนธรรม ารไปต่างประเทศอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวลเนื่องจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมเป็นหลัก แต่การทำความรู้จักกับอีกวัฒนธรรมหนึ่งจะเปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะใช้เวลาตลอดทั้งปีของนักเรียนแลกเปลี่ยนในเกาหลีใต้ ประเทศซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของฉันในสหราชอาณาจักรหลายไมล์เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ

สำหรับฉัน คุณอาจคิดว่ามันเป็นเพราะความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ K-pop และ K-dramas ในยุโรป

แต่สำหรับฉัน นั่นไม่ใช่อย่างนั้น แรงจูงใจหลักของฉันในการไปเรียนที่เกาหลีคือความอยากรู้อยากเห็นที่จะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง ชีวิตนักศึกษา และเพื่อดูว่ามันแตกต่างจากประเทศบ้านเกิดของฉันอย่างไร

แม้ว่าฉันจะมีเพื่อนชาวเกาหลีกลับมาที่สหราชอาณาจักร ได้ลิ้มลองอาหารเกาหลีและเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมของเกาหลี แต่ฉันก็ยังได้สัมผัสกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมมากมายที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนที่จะไปเกาหลี ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจแบ่งปันกับคุณและเขียนเกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุด 6 ประการที่ฉันเคยประสบในเกาหลีใต้

วัฒนธรรมอาหารในเกาหลีใต้ วัฒนธรรมอาหารเป็นหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับพวกเราหลายคน เนื่องจากการลองอาหารท้องถิ่นในต่างประเทศเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น

จากประสบการณ์ของฉันเอง การลองชิมอาหารท้องถิ่นในเกาหลีใต้ได้สอนฉันมากมาย ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับอาหารเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับวัฒนธรรม วิธีการกินของผู้คน และประวัติศาสตร์เบื้องหลังอาหารด้วย

สำหรับชาวเกาหลี อาหารมีความหมายเนื่องจากประวัติศาสตร์ของพวกเขา ย้อนกลับไปในสมัยนั้น เกาหลีไม่ได้เป็นประเทศที่ร่ำรวย ซึ่งหมายความว่าชาวเกาหลีอาจต้องทนทุกข์ทรมานจากความอดอยากเนื่องจากขาดแคลนอาหาร ดังนั้น การรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของชาวเกาหลีใต้

เนื่องจากโภชนาการช่วยให้พวกเขายังคงตรากตรำทำงานหนักและดำรงชีวิตอยู่ได้ ด้วยเหตุนี้ แม้แต่ในปัจจุบัน ชาวเกาหลียังมองว่าการรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต ดังนั้น แทนที่จะพูดว่า สบายดีไหมคนเกาหลีอาจทักทายคุณด้วยการพูดว่า: “คุณกินข้าวหรือยัง”

ในตอนแรกฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับเรื่องนี้และสงสัยว่าทำไมเพื่อนชาวเกาหลีของฉันมักจะถามฉันว่าฉันกินข้าวเที่ยงหรือเย็น ต่อมาฉันพบว่านี่เป็นเพียงคำทักทายง่ายๆ และมีการพัฒนาขึ้นเนื่องจากประวัติศาสตร์เกาหลี

เกาหลีเป็นประเทศที่รวมกลุ่มกัน ดังนั้นคนเกาหลีจึงให้ความสำคัญกับชุมชน ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการแบ่งปันอาหาร ฉันมีประสบการณ์ว่าเมื่อฉันไปร้านอาหารกับเพื่อนชาวเกาหลีและแทนที่จะสั่งอาหารคนละจาน เราสั่งอาหารร่วมกัน แม้แต่อาหารในร้านอาหารก็มักจะเสิร์ฟตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งแตกต่างจากที่อังกฤษมากที่เรามักจะทานอาหารทีละจาน

นอกจากนี้ ชาวเกาหลีมักไม่ชอบพูดคุยในระหว่างมื้ออาหารและมุ่งความสนใจไปที่การรับประทานอาหารแทน ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับแง่มุมทางวัฒนธรรมนี้จากการไปร้านอาหารกับเพื่อนชาวเกาหลีของฉัน ตอนแรกฉันคุยไปเรื่อย แต่เพื่อนชาวเกาหลีของฉันจะตอบฉันสั้นๆ ทุกครั้งและเพลิดเพลินกับอาหารของพวกเขาต่อไป

ฉันสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ค่อยพูดกันเพราะในอังกฤษ การไปร้านอาหารเป็นวิธีที่เพื่อนๆ จะได้สังสรรค์กัน ด้วยความอยากรู้เลยลองถามเพื่อนๆดู พวกเขาบอกฉันว่าร้านอาหารสำหรับรับประทานอาหารและสังสรรค์เกิดขึ้นในร้านกาแฟหรือผับหลังอาหาร

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  alpha88

ไอซ์แลนด์เป็นเอกราชในปี1922 ไม่ขึ้นตรงกับอังกฤษ

ในปี1603 ราชินีอลิซาเบธที่ 1 สวรรคตโดยไม่มีบุตรรวมไปถึงพี่น้องของพระองค์ทั้งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 และราชินีแมรี่ที่ 1 ก็ไม่ได้มีบุตรเช่นเดียวกันด้วยดังนั้นจึงไล่เรียงสายตระกูลขึ้นไปทางพ่อ ซึ่งพบว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มีน้องสาวชื่อ Margaret Tudor โดยนางได้แต่งงานกับพระเจ้าเจมส์ที่4 ที่เป็นกษัตริย์สกอตแลนด์นั่นหมายความว่า 

ไอซ์แลนด์เป็นเอกราชในปี1922 ทายาทของjames IVของสกอตแลนด์ในตอนนี้จะได้ครองอังกฤษโดยชอบธรรมด้วยซึ่งคนที่ปกครองสกอตแลนด์ในเวลานั้นก็คือพระเจ้าเจมส์ที่6นั่นเองเรียกได้ว่าพระเจ้าเจมส์จากที่ได้ปกครองสกอตแลนด์ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ อยู่ดีส้มลูกใหญ่ก็หล่นใส่จนได้พบกับบัลลังก์อังกฤษที่ยิ่งใหญ่กว่าและเจริญกว่าแถมยังได้ย้ายเข้ามาอยู่ในลอนดอน

โดยอังกฤษได้ใช้ชื่อว่าพระเจ้าเจมส์ที่ 1 เพราะอังกฤษยังไม่เคยมีกษัตริย์ชื่อนี้มาก่อนนอกจากนี้ยังได้ครองบัลลังก์ไอซ์แลนด์ที่อังกฤษต่อมาในปี 1707 ในสมัยของราชินีแอนเห็นว่าอังกฤษและสกอตแลนด์ตอนนี้ได้ปกครองโดยกษัตริย์องค์เดียวกันมากกว่าร้อยปีแล้วและทำไมไม่รวมเกาะอังกฤษให้เป็นประเทศเดียวกันไปเลย

ดังนั้นจึงได้ออกหนังสือเพื่อนำอังกฤษและสกอตแลนด์รวมถึงธงชาติของทั้งคู่มารวมกันเป็นราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ตอนนี้เท่ากับว่ามีสามแผ่นดินใหญ่ที่รวมกันเป็นประเทศเดียวกันแล้วนั่นก็คือ อังกฤษที่รวมเวลส์ก่อนหน้าและสกอตแลนด์ในครั้งนี้เมื่อว่าไอซ์แลนด์จะเป็นประเทศที่แย่จากบริเตนใหญ่และได้ปกครองตัวเองในระดับหนึ่ง

แต่ชาวไอลิซก็โดนกดขี่อยู่บ่อยๆโดยเฉพาะในเรื่องที่ดินและศาสนาคริสต์ที่นับถือต่างนิกายทำให้ชาวไอลิซก่อกบฏสู้กับอังกฤษเป็นระยะสุดท้ายรัฐบาลอังกฤษทนไม่ไหวจึงตัดสิ้นใจให้อังกฤษปกครองไอซ์แลนด์โดยตรงเสียเลยเมื่อในปี1801 รัฐสภาจึงได้ออกหนังสือสำหรับไอซ์แลนด์ให้อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษโดยตรง

และทำให้เกิดสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอซ์แลนด์รวมไปถึงธงชาติไอซ์แลนด์ที่เป็นกากบาทเฉียงในปัจจุบันอย่างไรก็ตามในปลาศตวรรษที่ 19 จนถึง 20 กระแสชาตินิยมไอซ์แลนด์ได้กลับมาอีกครั้งคราวนี้เคลื่อนไหวทั้งในสภาเพื่อเรียกร้องให้ชาวไอลิซได้ปกครองตนเองอย่างกับประกาศสงครามกันเลยทีเดียว

หลังจากที่ได้รบกันมานาน 2 ปี ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงทำหนังสือสนธิสัญญาเพื่อให้ไอซ์แลนด์เป็นเอกราชในปี1922 ไม่ขึ้นตรงกับสหราชอาณาจักรอีกต่อไปอย่างไรก็ตามเมื่อไอซ์แลนด์แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรแล้วประชาชนในส่วนหนึ่งของไอซ์แลนด์ยังมีความเป็นส่วนหนึ่งของยูเคจนมาถึงทุกวันนี้และทำให้ชื่ออย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักรในปัจจุบันคือสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอซ์แลนด์เหนือ

 

สนับสนุนโดย  กริลแอร์

ประวัติวัดศรีสวาย จังหวัดสุโขทัย 

        สำหรับในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักประวัติความเป็นมาของวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีความเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย

         ประวัติวัดศรีสวาย จังหวัดสุโขทัย  โดยวัดที่เราจะพาไปรู้จักกันในครั้งนี้นั้นเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยซึ่งถือได้ว่าวัดแห่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากและเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของประเทศไทยเลยก็ว่าได้โดยวัดที่เรากำลังพูดถึงนี้ก็คือวัดศรีสวายนั่นเอง

        สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดศรีสวายนั้นว่ากันว่าวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงของพุทธศตวรรษที่ 18 เลยก็ว่าได้ซึ่งวัดแห่งนี้นั้นเป็นวัดที่มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมากหลังจากที่มีการสร้างขึ้นมาแล้ววัดแห่งนี้ก็ยังได้มีการบูรณะต่อเติมเพิ่มเติมขึ้นมาให้กลายมาเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยมีการบูรณะเพิ่มเติมในสมัยอยุธยา

อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าวัดแห่งนี้นั้นมีสิ่งก่อสร้างที่มีความเก่าแก่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นปรางค์ 3 องค์ซึ่งว่ากันว่าปรางค์ 3 องค์นี้ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะสมัยขอมโดยจะเห็นได้จากรูปแบบลักษณะของการก่อสร้างนั้นเป็นรูปแบบของสมัยลพบุรี

          นอกจากนี้ยังดูที่ลวดลายปูนปั้นบริเวณฐานก็มีความสวยงามทันสมัยที่สำคัญบางส่วนของบริเวณฐานนั้นยังมีลวดลายคล้ายกับเครื่องถ้วยจีนในสมัยราชวงศ์หยวนอีกด้วยนอกจากนี้ภายในพื้นที่บริเวณวัดศรีสวายยังมีทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์รวมถึงยังมีเทวรูปและศิวลึงค์อีกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด

เรียกได้ว่าสิ่งก่อสร้างที่อยู่ภายในวัดหรือแม้แต่พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดศรีสวายนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความเก่าแก่โบราณและแต่ละอย่างนั้นก็มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน ดังนั้นที่นี่จึงถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่เราสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของคนในสมัยโบราณหรือวัดในสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี

  นอกจากนี้แม้แต่ตัวกำแพงของวัดเองก็มีการสร้างขึ้นมาด้วยศิลาแลงซึ่งถือได้ว่าเป็นการก่อสร้างในช่วงยุคโบราณซึ่งถือได้ว่าที่นี่เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางโบราณคดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

           นอกจากนี้ประวัติความเป็นมาของวัดศรีสวายนั้นว่ากันว่าในสมัยของรัชกาลที่ 5 พระองค์ก็เคยเสด็จมาที่บริเวณนี้โดยพระองค์เสด็จมาในช่วงประมาณปีพ.ศ 2451 ซึ่งในตอนนั้นพระองค์ทรงภพรูปพระสยมและพระศิวะซึ่งอยู่ภายในวิหารและหลักไม้ปักอยู่ในโบสถ์อีกด้วย 

อย่างไรก็ตามภายในวัดศรีสวายนะไม่ได้มีพระพุทธรูปของศาสนาพุทธเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอื่นอยู่อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นศาสนาฮินดูซึ่งภายในวัดนั้นมีสระลอยบาปนอกจากนี้ยังมีศาสนาอื่นอีกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งถือได้ว่าที่นี่เป็นส่วนรวมของศาสนาต่างๆเลยก็ว่าได้   

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    แทงหวย

วัดพระธาตุหิริภุญชัย จังหวัดลำพูน 

วัดพระธาตุหิริภุญชัย สำหรับจังหวัดลำพูนนั้นเป็นจังหวัดที่ไม่ใหญ่มากนักซึ่งมีอาณาเขตพื้นที่อยู่ในเขตพื้นที่ของภาคเหนือแต่จังหวัดนี้ก็มีปูชนียสถานที่มีความสำคัญและมีความเก่าแก่

มีการก่อสร้างมานับพันปีมากมายหลายแห่งเลยทีเดียวซึ่งปูชนียสถานที่เรากำลังจะมีการพูดถึงในบทความนี้นั้นก็คือวัดพระธาตุหริภุญชัยณสถานที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญของจังหวัดลำพูนเป็นปูชนียสถานซึ่งถูกสร้างขึ้นมาคู่กับเมืองลำพูนมาอย่างยาวนานว่ากันว่าวัดพระธาตุหิริภุญชัยนนี้มีอายุเก่าแก่มากกว่าหนึ่งพันปีเลยทีเดียว 

         สำหรับใครที่เกิดปีระกาและอยากจะกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปีเกิดของตนเองนั้นสามารถเดินทางมาที่วัดพระธาตุหริภุญชัได้ซึ่งที่นี่จะเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีระกานั่นเอง  ว่ากันว่าวัดพระธาตุหิริภุญชัยนั้นมีสิ่งก่อสร้างที่มีความสวยงามลงตัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียวซึ่งสถาปัตยกรรมต่างๆที่มีการก่อสร้างไว้ในพระธาตุหริภุญชัยนั้นจะมีลักษณะของการใช้ศิลปะล้านนาแบบไทยๆแท้

         โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจดีย์ที่เป็นที่จัดเก็บพระธาตุนั้นเป็นแบบล้านนาไทยแท้ๆตั้งแต่โบราณอาการเลยทีเดียว  ภายในเจดีย์นั้นก็จะมีการนำกรดสีทองมาประดิษฐ์ฐานเอาไว้ซึ่งภายในกรอบสีทองนั้นก็จะมีการบรรจุพระเกศบรมธาตุดังนั้นถ้าหากใครเดินทางไปที่วัดพระธาตุหริภุญชันั้นแนะนำว่าจะต้องแวะไปกราบไหว้เจดีย์ซึ่งเป็นที่จัดเก็บพระเกศบรมธาตุนั่นเอง

            อย่างไรก็ตามวัดพระธาตุหิริภุญชัยนั้นมีความงดงามตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าเลยทีเดียวถ้าหากจะสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่าที่บริเวณซุ้มประตูทางเข้านั้นก็มีการก่อสร้างเอาไว้อย่างสวยงามวิจิตรบรรจงหรืออาจจะกล่าวได้ว่าการก่ออิฐถือปูนนั้นค่อนข้างที่จะมีลวดลายพิสดารเป็นอย่างมากแต่ก็ยังคงมีความสวยงามโดยว่ากันว่าฝีมือช่างที่มาก่อสร้างวัดพระธาตุหิริภุญชัยนั้นเป็นช่างฝีมือโบราณซึ่งเป็นช่วงสมัยของศรีวิชัยดังนั้นจะเห็นได้ว่าตรงบริเวณซุ้มประตูจะมีการสร้างซุ้มเป็นยอดและเป็นชั้นๆ

        นอกจากนี้ยังมีการสร้างสิ่งคู่เอาไว้บริเวณด้านหน้าของซุ้มประตูซึ่งแลดูแล้วให้ความสง่างามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวนอกจากนี้ภายในอาณาเขตพื้นที่ของวัดพระธาตุหริภุญชัยนั้นยังมีวรสารเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะไปศึกษาหาความรู้รวมถึงไปกราบไหว้ขอพรไม่ว่าจะเป็นรอยพระพุทธบาท 4 ดวงหรือวิหารพระเจ้าองค์แดงนอกจากนี้ยังมีวิหารพระเจ้าทันใจและวิหารพระนอนอีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย  alpha88

ประวัติศาสตร์พวกมองโกลทำการบุกพม่า

กุบไลข่าน จอมทัพมองโกล ซึ่งได้เอาชนะจีนภาคเหนือแล้วตั้งใจจะรวมอาณาจักร 2 ภาคใต้รวมทั้งมณมลฑณยูนานและเลยไปถึงเมืองฮานอย ดังนั้นในปีคริสต์ศักราช 1253 กองทัพมองโกเข้ายึดครองอาณาจักร น่านเจ้า และในปีคริสต์ศักราช1257 ก็เข้าครองเมืองฮานอย

คนไทยเสียอาณาจักรน่านเจ้าไปแล้วทหารไทยจำนวนไม่น้อยจำต้องเข้ารวมอยู่ในกองทัพมองโกลทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้ยุทธวิธี

ประวัติศาสตร์พวกมองโกล และกลเม็ดการรบของพวกมองโกลขณะนั้นกุบไลข่านปรับปรุงกองทัพและในปี คริสตต์ศักราช1260 เริ่มรบต่อต้านราชวงศ์ซ้องพี่ชายใหญ่  ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดของพวกมองโกลข่านมากุนตายในการรบ กุบไลข่ายจึงกลายเป็นหัวหน้าพวกมองโกลและป้องครองจีนทั้งประเทศด้วยในฐานะเป็นผู้รับมรดกราชวงศ์ซ้อง กุบไลข่านต้องการให้อาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทุกอาณาจักรที่เคยยอมรับราชวงศ์ซ้องเป็นใหญ่บัดนี้ควรยอมรับตนเช่นเดียวกัน

เนื่องจากบัดนี้กุบไลข่านเป็นหัวหน้าพวกมองโกลและเป็นผู้ชนะจึงต้องการให้อาณาจักรทั้งหลายส่งบรรณาการมาให้แจงชัดและแน่นอนดังนั้นพระองค์จึงใช้กำลังบังคับให้กษัตริย์ทั้งหลายดังนั้นเพราะองค์จึงใช้กำลังทหารบังคับให้กษัตริย์ทั้งหลายมาถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้า

ในปีคริสต์ศักราช1257 หลังจากที่พระองค์ปราบราชวงศ์ซ้องที่ต่อต้านประเทศจีนได้หมดแล้วพระองค์ได้มีพระบัญชาไปยังอุปราชทั้งหลายให้เรียกร้องบรรณาการและการสวามิภักดิ์จากกษัตริย์ทั้งหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปีคริสต์ศักราช 1271 อุปราชมองโกลที่มลฑณยูนานก็ส่งคำสั่งไปยังกษัตริย์พม่าอย่างน้อยก็สมัยพระเจ้าอนุรุทธเป็นต้นมาที่อาณาจักรพุกามที่ไม่เคยส่งบรรณาการให้จีนและคณะทูตพม่าที่ไปยังเหมือนหลวงจีนได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติอย่างประเทศใหญ่ๆทุกประการ

อันที่จริงพระเจ้าอนุรุทธกลับทรงได้รับบรรณาการจากอาณาจักรน่านเจ้าบริวาลของจีนด้วยซ้ำถึงแม้ว่าพวกเจ้าไทรใหญ่ต่างๆที่อยู่ตามชายแดนภาคเหนือของพม่าไม่แสดงท่าทีว่าอุปราชมองโกลควรเป็นฝ่ายแสดงคารวะกษัตริย์พม่าดังนั้นเขาจึงส่งทูตไปยังกรุงพุกามเรียกร้องบรรณาการพระเจ้านรสีหบดีด้วยความสนับสนุนจากประชาชนของพระองค์

นอกจากนี้ พระเจ้านรสีหบดี ทรงปฏิเสธไม่ยอมรับทูตที่มาเรียกร้องบรรณาการนั้นอีก2ปีต่อมากษัตริย์จีนส่งทูตมาอีกนำพระราชสารกุบไลข่านมาเองพงศาวดารระบุว่าทูตในฐานะเป็นผู้แทนของจักรพรรดิทำตัวเหมือนเป็นจักรพรรดิเองและไม่ยอมถอนรองเท้าเข้าเฝ้ากษัตริย์พม่า

กษัตริย์พม่าจึงทรงสั่งให้จับทูตและคณะทันที่และต่อมาสั่งให้ประหารชีวิตเสนาบดีพากันทักท้วงชี้ให้เห็นว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตและเสรีภาพของทูตแต่กษัตริย์พม่าอ้างว่าเนื่องจากทูตได้ประพฤติผิดอย่างร้ายแรงจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งนั้นคงเป็นความจริงว่าทูตคงก่อปัญหายุ่งยากขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    aesexy

ประวัติประเพณีผีตาโขน 

           เมื่อพูดถึงประเพณีผีตาโขนเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินและอาจจะเคยเดินทางไปเที่ยวเยี่ยมชมการจัดงานประเพณีกันมาบ้างซึ่งประเพณีนี้นั้นจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี  เนื่องจากเป็นประเพณีประจำของจังหวัดเลย   เป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่นักท่องเที่ยวต่างก็อยากไปรุ่งและไปเห็นการจัดงานประเพณีนี้กัน

      สำหรับประวัติความเป็นมาของการจัดประเพณีผีตาโขนนั้นมีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณเป็นประเพณีที่เกี่ยวโยงเกี่ยวกับเรื่องของงานบุญ  สำหรับประเพณีนี้ถือว่าเป็นประเพณีงานบุญใหญ่ของจังหวัดเลยเลยก็ว่าได้ซึ่งชาวบ้านจังหวัดเลยจะมีการเรียกประเพณีนี้ว่าบุญผะเหวดหรืองานบุญหลวง 

        การจัดประเพณีผีตาโขนนั้นเป็นงานบุญที่จะมีการเกี่ยวพันกับเรื่องของพระพุทธศาสนาโดยจะมีการจัดขึ้นที่อำเภอด่านซ้ายภายในงานนั้นจะมีการเทศน์มหาชาติประจำปีเป็นงานบุญพระเวทย์ที่มีความเกี่ยวพันกับพระธาตุศรีสองรักซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของอำเภอด่านซ้ายนั่นเองการจัดงานจะมีการจัดขึ้นให้ตรงกับเดือน 7  หรือเดือนกันยายน

          สำหรับประวัติความเป็นมาของการจัดประเพณีผีตาโขนนั้นมีความเชื่อกันว่า  ประเพณีใดมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยของพระเวสสันดรที่เดินทางออกมาจากป่าพร้อมกับพระนางมัทรีโดยทั้งสองพระองค์นั้นเดินทางเพื่อที่จะพากันเข้าไปในตัวเมือง  แต่เนื่องจากว่าตอนที่อยู่ในป่านั้นพระเวสสันดรและพระนางมัทรีเป็นที่รักของสัตว์นานาชนิดรวมถึงพวกบรรดาผีป่าทั้งหลาย

           ดังนั้นพอรู้ว่าพระเวสสันดรและพระนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่าจึงพากันอะไรและแฝงตัวมากับทั้งสองพระองค์ด้วยโดยมีการปลอมแปลงมาเป็นชาวบ้านเพื่อที่จะมาส่งพระเวสสันดรและพระนางมัทรีกลับเข้าสู่เมืองนั่นเองซึ่งในสมัยนั้นได้มีการเรียกกันว่าผีตามคนต่อมาก็มีการเรียกเพี้ยนเป็นผีตาขนแล้วต่อมาก็เพี้ยนหนักจนกลายเป็นผีตาโขนมาจนถึงปัจจุบันนี้นั่นเอง 

         สำหรับการแต่งกายผีตาโขนจะมีการแบ่งออกเป็น 2 แบบนั้นก็คือผีตาโขนใหญ่และผีตาโขนเล็กซึ่งแตกต่างกันที่ว่าถ้าผีตาโขนใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่แต่งตัวคล้ายกับผีมีการตกแต่งโดยมีการนำวัสดุต่างๆมาประดับตกแต่งให้มีความน่ากลัว ส่วนผีตาโขนและก็จะเป็นเด็กมาทำการตกแต่งซึ่งผีตาโขนเล็กนั้นจะค่อนข้างซุกซนและเล่นโลดโผนส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กผู้ชายมีการแต่งเป็นผีตาโขนเล็กส่วนผีตาโขนใหญ่นั้น จะมีการสร้างแค่เพียง 2 ตัวเท่านั้นก็คือตัวเพศหญิงกับเพศชาย และคนที่จะสามารถเป็นผีตาโขนใหญ่ได้นั้นจะต้องเป็นคนที่ถูกเลือกแล้วเท่านั้นไม่สามารถที่จะให้ใครเป็นก็ได้ 

เกมโต๊ะคาสิโนยอดนิยมเพื่อรับเงินจริง

Ignition Casino ก่อตั้งขึ้นในปี 2559 เป็นแบรนด์คาสิโนที่มีชื่อเสียงในด้านเกมคาสิโนออนไลน์ คาสิโนมีประสบการณ์หลายปีในอุตสาหกรรมการพนัน

ซึ่งได้กระตุ้นการเติบโตและความนิยม ด้วยบริการคาสิโนที่ยอดเยี่ยม Ignition Casino เหนือกว่าเว็บไซต์การพนันแบบเก่ามากมาย ในขั้นต้นเว็บไซต์เปิดให้บริการสำหรับผู้เล่นในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Ignition Casino เปิดรับผู้เล่นจากภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ทันกับแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ บางคนรับรู้ว่าคาสิโนห้ามผู้เล่นจากสถานที่บางแห่ง แต่เราไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่สนับสนุนข้อเรียกร้องนี้ในข้อกำหนดและเงื่อนไขของคาสิโน

เราพนันได้เลยว่าคุณคงไม่อยากเล่นกับคาสิโนที่เว็บไซต์ล่าช้าทุกๆ 5 นาที ซึ่งจะเพิ่มระดับความเครียดของคุณ เว็บไซต์ที่เป็นแบบอย่างของ Ignition Casino เป็นหลักฐานของการบำรุงรักษาด้านเทคนิคที่น่าประทับใจซึ่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและน่าดึงดูดใจให้กับคุณ ดังนั้นคุณจะไม่ต้องเผชิญกับเว็บไซต์ที่ค้างในขณะที่คุณกำลังลุ้นแจ็คพอตสุดฮอต

นอกจากนี้ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนลูกค้าที่โดดเด่นเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับนโยบายการทำงานของไซต์ในเชิงลึกหรือเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้องการ โดยรวมแล้ว Ignition Casino เป็นทางออกที่ดีที่สุดหากคุณสนุกกับการเล่นเกมด้วยเงินจริง ความหลากหลายของเกมดีลเลอร์สด: ไม่มีคาสิโนอื่นใดที่สามารถเอาชนะ Ignition Casino ได้ในแง่ของคอลเลกชันเกมที่น่าตื่นเต้น

คาสิโนมีสล็อตออนไลน์มากกว่า 300 เกม โต๊ะเกมมากกว่า 25 เกม และการแข่งขันโป๊กเกอร์มากมาย เกมทั้งหมดนี้มีความหลากหลาย แบล็คแจ็ค ยูโรเปี้ยนรูเล็ต อเมริกันรูเล็ต บาคาร่า แครปส์ และเกมคลาสสิกอื่น ๆ อีกมากมายพร้อมที่จะพาคุณไปผจญภัย ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถเลือกเกมโปรดของคุณจากโต๊ะด้วยวงเงินที่แตกต่างกันตั้งแต่ $5 – $3,000 เพื่อรับประสบการณ์การเล่นเกมด้วยเงินจริงที่ยอดเยี่ยม

สนุกกับวิดีโอโป๊กเกอร์สด หากคุณสนใจเกมวิดีโอโป๊กเกอร์สด เกม Ignition Casinos ในหมวดหมู่นี้จะดึงดูดความสนใจของคุณอย่างแน่นอน คุณสามารถเลื่อนดูไลบรารีเกมที่กว้างขวางและจัดเรียงเกมเป็นเกม 1, 3 หรือ 10 มือได้อย่างสะดวกสบาย Jack or Better, Double Poker และ Bonus Poker เป็นหนึ่งในเกมโป๊กเกอร์ที่น่าดึงดูดใจที่สุดที่คุณสามารถเล่นได้ที่ Ignition Casino นอกจากนี้ คาสิโนยังโปร่งใสอย่างน่าทึ่งและช่วยให้ผู้เล่นใหม่เข้าใจแพลตฟอร์มของตนเพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด

คุณสามารถดูคำแนะนำที่เป็นลายลักษณ์อักษรและวิดีโอของพวกเขาเพื่อทราบกฎของเกม คำแนะนำและเทคนิคเชิงลึก อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ชอบอ่านหรือดูคำแนะนำ ให้ใช้ประโยชน์จากเกมฝึกหัดฟรีที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เล่นใหม่

การปรับตัวของอุปกรณ์ เว็บไซต์ของ Ignition Casino ปรับให้เข้ากับหน้าจอใด ๆ ที่คุณกำลังเล่นเกมได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นพีซี แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ คุณจะไม่มีปัญหากับกราฟิกและความสวยงามของเกม หากคุณกำลังเล่นเกมคาสิโนโดยใช้เวอร์ชันมือถือ คุณจะมีสิทธิ์เข้าถึงคลังเกมของ Ignition Casino ไม่เกิน 75% เป็นข้อเสียอย่างหนึ่งที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยใช้คาสิโนบนพีซีของคุณ หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจะทำให้คุณตื่นเต้นมากขึ้น ลีดเดอร์บอร์ดที่ดึงดูดสายตา: ลีดเดอร์บอร์ดนั้นน่าดึงดูดใจมากพอที่จะยกระดับประสบการณ์การพนันของคุณที่ Ignition Casino เราชอบที่ผู้เล่นสามารถปรับแต่งลีดเดอร์บอร์ดโดยใช้รางวัล โครงสร้าง และข้อกำหนดเพื่อยกระดับเกมตามที่พวกเขาต้องการ

 

สนับสนุนโดย.  มั่งมีหวยออนไลน์

สถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกระบุว่าเก่าแก่ที่สุดของประเทศเมียนมาร์

       ที่สุดของประเทศเมียนมาร์  สำหรับประเทศเมียนมาร์หรือประเทศพม่าที่เรารู้จักกันนั้นเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยเพียงแค่นิดเดียวเราสามารถที่จะนั่งเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังประเทศเมียนมาร์หรือแม้แต่เราจะสามารถข้ามฟากด้วยการเดินเท้าหรือขับรถไปยังประเทศเมียนมาร์ ก็ได้  เนื่องจากว่าประเทศเมียนมาร์นั้นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานควบคู่กับประเทศไทย

           ที่สำคัญอาณาจักรเก่าแก่ของประเทศเมียนมาร์นั้นก็มีความยิ่งใหญ่ไม่แตกต่างจากอาณาจักรของไทยดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเมียนมาร์ที่ถูกระบุว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเก่าแก่ติดอันดับที่สุดของประเทศเมียนมาร์ 

       สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเรื่องของความเก่าแก่ที่สุดของประเทศเมียนมาร์  แล้วยังเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งสะพานดังกล่าวก็คือ สะพานอูเบ็ง ประเทศเมียนมาร์

           สำหรับสะพานอูเบ็งแห่งนี้นั้นนอกจากจะเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่แล้วยังถูกระบุว่าเป็นสะพานที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศเมียนมาร์เลยก็ว่าได้ อายุของสะพานกูแบ่งแห่งนี้นั้นมีอายุ นับตั้งแต่ก่อสร้างมาจดมาจนถึงปัจจุบันนี้ มากกว่า 170 ปีเลยทีเดียว 

         สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน ซึ่งในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านได้มีการช่วยกันย้ายพระราชวังเก่าจากกรุงอังวะมาที่เมืองอมรปุระหลังจากนั้นในช่วงที่มีการย้ายพระราชวังเก่า

         ปรากฏว่ามีไม้สักจากพระราชวังเก่า ที่เหลืออยู่ประมาณ 1000 ต้น พระเจ้าปดุงจึงสั่งให้ขุนนางในสมัยของพระองค์นั้นทำการควบคุมคนงานและชาวบ้านให้ช่วยกันก่อสร้างสะพานขึ้นมาซึ่งก็คือสะพานไม้อูเบ็งแห่งนี้นั่นเองสำหรับสะพานไม้อูเบ็งนี้เป็นสะพานไม้สักที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกและเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน 

            โดยสะพานไม้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วง ปี พ.ศ. 1850  ส่วนสาเหตุที่มีการตั้งชื่อสะพานแห่งนี้ว่าสะพานอูเบ็งนั่น  กริลแอร์     ก็เพราะว่าคุณนางที่เป็นคนควบคุมการสร้างสะพานแห่งนี้นั้นชื่อว่าเอ็งและสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ชาวพม่านั้นได้ใช้งานเป็นเส้นทางในการคมนาคมขนส่งกัน

         นับตั้งแต่ในสมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ชาวบ้านก็ยังคงใช้สะพานแห่งนี้ในการสัญจรไปมาและการคมนาคมรวมถึงการมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศเมียนมาร์นั่นเองอย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการเห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามของสะพานอูเบ็งสะพานไม้สักแห่งนี้แนะนำว่าควรจะไปช่วงเวลาเย็นซึ่งเป็นช่วงเวลาของพระอาทิตย์ตกดินจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามแปลกตานั่นเอง 

เรื่องราวของ นครวัดกัมพูชา 

         นครวัดกัมพูชา   เชื่อว่าถ้าพูดถึงประเทศกัมพูชาโบราณสถานที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรกนั่นก็คือนครวัดนั่นเองเนื่องจากว่านครวัดแห่งนี้นั้นเป็นสถานที่โบราณสถานที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกแม้แต่องค์กร UNESCO ก็ยังมา จัดอันดับความสำคัญของนครวัดแห่งนี้เอาไว้

สำหรับนครรัฐแห่งนี้นั้นมีชื่อเรียกอยู่หลายอย่างด้วยกันสำหรับคนกัมพูชาเองออกเสียงนครวัดแห่งนี้ว่าเมืองเสียมราฐในขณะที่ประชาชนทั่วไปอย่างคนไทยนั้นเรียกว่าเมืองเสียมราฐหรือแม้แต่คนฝรั่งเศสเองก็เรียกนครวัดแห่งนี้ว่าอังกอร์วัด 

         อย่างไรก็ตามนครวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีอายุเก่าแก่มาอย่างยาวนานโดยว่ากันว่าผู้ที่มีการสร้างนครวัดแห่งนี้เอาไว้นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยของอาณาจักรขอมซึ่งผู้ที่สร้างก็คือพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2

 

ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอยู่นั่นเองโดยมีการระบุจากหลักฐานที่มีการอ้างอิงและเชื่อถือได้ว่านครวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงพุทธศักราช 1656 – 1693 

          สำหรับความต้องการที่จะสร้างนครวัดแห่งนี้นั้นในครั้งแรกต้องการที่จะสร้างเอาไว้สำหรับเป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 รวมถึงสร้างเป็นวัดเพื่อเป็นการบูชาเทวดาดังนั้นทหารนักเที่ยวคนไหนที่เคยทานเดินทางไปเที่ยวที่นครวัดแห่งนี้จะเห็นได้ว่าลักษณะรูปแบบของการก่อสร้างนครวัดแห่งนี้จะแตกต่างจากวัดอื่นๆทั่วไปเพราะที่นี่จะมีการหันหน้าของตัววัดนั้นไปทางทิศตะวันตกซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าทิศตะวันตกนั้นคือที่ของคนตายส่วนที่ตะวันออกนั้นเป็นที่ของคนเป็น 

           จากการสำรวจนครวัดจะเห็นได้ว่าเป็นประสาทซึ่งมีขนาดใหญ่มากและแน่นอนว่าการก่อสร้างนั้นก็ต้องเป็นไปด้วยความยากลำบากโดยมีการระบุว่ากว่าจะสามารถสร้างมาเป็นปราสาทนครวัดนี้ได้นั้นต้องมีการใช้หินในปริมาณที่เยอะมากๆหรืออาจกล่าวได้ว่าปริมาณนั้นหลายล้านลบ.ม. กันเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆในการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นหินหรือแม้แต่ทรายซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการก่อสร้างตัวประสาท

        ยังไงก็ตามมีการระบุว่ากว่าจะสร้างปราสาทแห่งนี้ได้นั้นจะต้องมีการเกณฑ์ผู้คนแรงงานมาก่อสร้างซึ่งแรงงานที่มาใช้ในการก่อสร้างนั้นก็มีนับแสนคนเลยทีเดียวนอกจากคนแล้วก็ยังต้องใช้แรงงานช้างอีกด้วยเพราะหินแต่ละก้อนนั้นมีความหนักเป็นอย่างมากเพราะฉะนั้นถ้าใช้แรงงานคนเพียงอย่างเดียวก็จะไม่สามารถยกหินที่หนักเหล่านี้ได้

         นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณโดยรอบของปราสาทนครวัดนั้นมีความกว้างใหญ่ไพศาลนอกจากนี้ยังมีการสร้างแบบตามหลักฮวงจุ้ยจะเห็นได้ว่าโดยรอบของตัวประสาทนั้นมีการสร้างคูน้ำล้อมรอบเอาไว้นอกจากนี้ตัวประสาทยังเต็มไปด้วยหินสลักต่างๆมากมายซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นรูปผู้หญิงเหมือนภาพในนางวรรณคดีนอกจากนี้ยังมีรูปเทวดาและอสูรอยู่อีกด้วยซึ่งถ้าหากนับดูดีๆแล้วนางอัปสรที่มีการนำมาประดับตกแต่งปราสาทหินนั้นจะมีการแต่งตัวและทรงผมที่ไม่ซ้ำแบบกันเลยทีเดียว 

                   

สนับสนุนโดย.    แทงหวยออนไลน์ Huaydee

ประติมากรรมชั้นยอดที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก 

        สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานด้านศิลปะย่อมรู้ดีว่าผลงานศิลปะนั้นบางชิ้นนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก  ประติมากรรมชั้นยอด ดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงประติมากรรมชั้นยอดที่หลายคนนั้นพูดถึงและยังคงคุณค่าให้มีการพูดถึงมาจนถึงปัจจุบันนี้ สำหรับผลงานที่มีการนำมากล่าวในบทความนี้จะเป็นผลงานที่ศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก

ได้มีการรังสรรค์ผลงานเอาไว้ในสมัยที่พวกเขานั้นยังคงเริ่มเข้ามาคลุกคลีกับวงการศิลปะและประติมากรรมต่างๆด้วยผลงานที่เรานำมาพูดถึงนั้นมีทั้งหมด 2 ผลงานด้วยกันนั่นก็คือ 

Ecstasy of Saint teresa of inertia 

          สำหรับผลงานชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1652 ตั้งอยู่ที่โบสถ์ซานตามาเรียเวลาวิคตอเรีย เดอราวิตอเรีย กรุงโรมประเทศอิตาลีถือเป็นประติมากรรมชิ้นเอกของ จิอันโด เซนโซ่แบดินี่ ผู้ที่มีชื่อเสียงในกรุงโรมเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 17 ปฏิมากรรมชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเรื่องราวของแม่ชีผู้หนึ่งที่ได้ทำการบันทึกเรื่องราวทางศาสนาที่เธอได้ทำการปฏิรูป แต่เธอกลับถูกกล่าวหาว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ 

       จนกระทั่งปี 1622 สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรี ที่ 15 จึงได้ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้เธอได้เป็นนักบุญหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้วถึง 40 ปีและนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชิ้นนี้ของโรเซนโซ่ โดยเขาได้จากองค์ประกอบให้งานแกะสลักนี้มีท่าทางคล้ายกับการแสดงละครเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านออกมาถือเป็นผลงานที่ยากต่อการนำมาลอกเลียนแบบขึ้นใหม่สำหรับปฏิมากรคนอื่นๆในเวลาต่อมา 

     PIETA 

       สำหรับผลงานชิ้นนี้เป็นงานประติมากรรมสลักสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ในปี 2499 ถูกสร้างขึ้นโดยมี เกลันเจโลบูโอนาร์โรตีหรือไมเคิลแองเจโลนั่นเองตั้งอยู่ในมหาวิหารนักบุญเปโตรที่นครรัฐวาติกันประเทศอิตาลีเป็นงานประติมากรรมที่ถูกทำขึ้นจากหินอ่อนคาราด้าที่แสดงให้เห็นถึงภาพกองพระแม่มารีกำลังอุ้มร่างของพระเยซูคริสต์บทบาทของตนเองหลังจากที่เขาโดนตรึงไม้กางเขนแล้วซึ่งในระหว่างที่ปั้นอยู่นั้นเอง 

       ผลงานชิ้นนี้ Michael angelo  ได้ออกแบบให้พระแม่มารียังเป็นเพียงหญิงสาวที่มีลูกชายในวัยเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้นเพื่อที่จะแสดงออกให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ผ่านพระแม่มารีที่ยังคงความเยาว์วัยเป็นสาวบริสุทธิ์เอาไว้นะเป็นเรื่องใหม่ในงานประติมากรรมของอิตาลีที่นำเอาแนวความคิดนี้ใส่ลงไปในรูปปั้นจนได้รับการยกย่องว่าเป็นงานชิ้นสำคัญที่คงความสมดุลระหว่างอุดมคติของความงามในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและทำชาตินิยมในยุคสมัยนั้นเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนโดย.  แทงหวยออนไลน์