หมวดหมู่: ตำนาน

อสังหาริมทรัพย์พรพรหม พาราไดซ์ 

สวนน้ำชื่อดังที่ได้ถูกปิดตัวลงไปแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่สถานที่แห่งนี้ได้มีชื่อว่า สวนสนุกพรพรหม พาราไดซ์ หลังจากที่ได้ปิดตัวไปแล้วมันก็จะค่อยๆรกร้างและโทรมลงเรื่อยๆมันจึงได้ทำให้สถานที่แห่งนี้มันได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดที่จะเข้ามาทำการสำรวจในเรื่องลี้ลับว่ากันว่าในคืนวันพระใหญ่เฉพาะวันออกพรรษาในช่วงดึกๆ

มักจะมีเสียงกระโดนน้ำหรือโลยตัวสไลเดอร์ลงมาบ้างก็ว่าได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานดังขึ้นโดยบริเวณรอบๆของสวนน้ำแห่งนี้แต่ในความจริงเราได้มองว่าเรื่องน่ากลัวๆหรือในเรื่องเล่าต่างๆมันมักจะชอบเกิดขึ้นในพื้นที่น่ากลัวๆหรือเป็นสถานที่รกร้างได้บ่อยมากเหมือนอย่างที่ใครๆหลายคนได้พูดว่ามักจะเจอผู้หญิงผมยาวใส่ชุดขาวในสถานที่แห่งนั้น

โครงการพรพรหม พาราไดซ์ที่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่สวนสนุกแต่นี่มันคือโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในโครงการนี้จะขายที่ดินเป็นแปลงๆ สำหรับเอาไว้ปลุกบ้านตามที่ต้องการ ซึ่งในสมัยก่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังที่จะเติบโตไปทั่วประเทศ ซึ่งในยุคนั้นอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับความนิยมพอสมควรเลยที่เราได้เห็นกันในส่วนของสไลเดอร์นั่นก็คือสระน้ำในสโมสรส่วนกลางในพื้นที่แห่งนี้นี่เอง

แต่ก็เปิดให้คนนอกได้เข้ามาร่วมใช้บริการร่วมด้วยได้ ที่จริงสถานที่แห่งนี้ที่ปิดลงไปเพราะว่าพิษของเศรษฐกิจล้วนๆส่วนที่อยู่ด้านหน้าที่ได้เปิดขายของอสังหาริมทรัพย์ก็ขาดทุนเพราะว่าไม่มีคนเข้ามาซื้อจึงไม่สามารถที่จะทำให้ธุรกิจนี้เดินหน้าต่อไปได้พอมันไม่สามารถที่จะเดินทางต่อไปได้แล้วสถานที่แห่งนี้มันก็ได้ถูกปิดตัวลงไป

เมื่อสถานที่แห่งนี้มันได้ถูกปิดตัวลงไปแล้วมันก็ไม่มีใครที่จะเข้ามาทำให้สถานที่แห่งนี้กลับมาสวยงามอีก นอกจากสววนน้ำแล้วที่มันได้เป็นไฮไลท์ก็ยังมีสโมสรกอล์ฟและก็มีค่ายลูกเสืออีกด้วย ซึ่งหลายๆคนตอนเด็กๆก็เคยไปที่ค่ายลูกเสือแห่งนี้

ปัจจุบันในพื้นที่แห่งนี้พรพรหม พาราไดซ์ ก็ได้ประกาศขายกิจการอยู่ในตอนนี้หากใครมีเงินทุนสามารถเข้าไปซื้อได้พรพรหม พาราไดซ์ ราคา5.5ล้านบาท พื้นที่แห่งนี้มีเนื้อที่กว้างกว่า180ไร่มีทั้งสวนสนุกห้องพักห้องประชุมสนามกอล์ฟแต่ว่าสถานที่แห่งนี้มันค่อนข้างที่จะอยู่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่อยู่พอสมควรและนี่มันอาจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ที่สถานที่แห่งนี้ได้ปิดตัวลงไปเพราะว่ามันได้อยู่ไกลจากตัวเมืองจึงไม่ค่อยมีใครมากเท่าไหร่แต่ยังได้ทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ก็โปรดใช้วิจารณญาณกันด้วยซึ่งในทุกๆเรื่องมันชอบจะมีตำนานที่ซ่อนเอาไว้อยู่

 

สนับสนุนโดย  entaplayทางเข้า

การค้นพบสิ่งปริศนาที่หาสาเหตุไม่ได้ของ หินชาแมน และ OOPARTS

วัตถุทะลุเวลากับการไขปริศนาลึกลับแห่งยุคโบราณOOPARTSได้มีความหมายถึงสิ่งประดิษฐ์โบราณหรือวัตถุเก่าแก่ที่มันไม่น่าจะมีอยู่ในช่วงประวัติศาสตร์ในยุคของสมัยนั้นๆโดยได้มีผู้ที่สือความหมายของOOPARTSเอาไว้อยู่มากมายอย่างเช่นวัตถุโบราณปริศนาวัตถุเหนือยุควัตถุเหนือกาลเวลาวัตถุลึกลับแห่งโลกยุคโบราณส่วนในประเทศญี่ปุ่น

ก็ได้มีผู้ได้ให้ความหมายว่ามรดกแห่งโบราณยุคประวัติศาสตร์หรือสำหรับผู้คนในบางกลุ่มที่ไม่มีความเชื่อว่าโลกมันได้มีอยู่หลายมิติ ซึ่งมันได้ทับซ้อนกันอยู่OOPARTSมันได้เป็นหลักฐานที่มันได้แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างโลกปัจจุบันกับโลกต่างมิติหรือในบางคนก็ยังได้เชื่อมั่นอีกว่าวัตถุลึกลับเหล่านี้มันได้เป็นร่องรอยของการมาเยือนของพวกมนุษย์ต่างดาว

แต่อย่างไรก็ตามวัตถุหรือสิ่งประดิษฐ์ต่างๆเหล่านี้ก็ได้ทิ้งสิ่งที่เป็นปริศนาให้แก่มนุษย์มาเป็นระยะเวลายาวนานแต่เมื่อวันเวลาผ่านไปได้กลับมาหลายกรณีที่มนุษย์สามารถไขปริศนาความลึกลับเหนือกาลเวลาได้สำเร็จอย่างเช่นวัตถุลึกลับที่ได้มีส่วนผสมของโลหะซิลิก้าและแร่ธาตุอื่นๆมันได้ถูกค้นพบโดยคนงานที่ทำงานอยู่ในเหมืองขนาดเล็กของประเทศแอฟริกาใต้เมื่อกว่า3ทศวรรษที่แล้ว

ซึ่งวัตถุลึกลับชนิดนี้ได้เป็นวัตถุผสมโลหะทรงกลม ซึ่งก็ยังไม่ทราบถึงแหล่งที่ของมันหรือต้นกำเนิดมันได้มีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งถึงสองนิ้วจากการตรวจสอบด้วยการหาอายุวัตถุมันจึงได้ทำให้เราได้รู้ว่ามันได้มีอายุถึง2,800ถึง3,000ล้านปี ซึ่งมันได้อยู่ในยุค พรีแคมเรียนในยุคต้นกำเนิดสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแต่แม้แต่มนุษย์ก็ยังไม่ได้ปรากฎขึ้นมายังโลก

มันจึงจะไม่น่าจะมีวิทยาการใดๆที่จะใช้ความร้อนหล่อหลอมโลหะให้มันเกิดเป็นรูปทรงกลมเช่นนี้ได้แต่ต่อมาในยุคปัจจุบันนักธรณีวิทยาได้ทำการตรวจสอบและได้ยื่นยันแล้วว่าวัตถุผสมโลหะลึกลับนี้ ถึงแม้ว่ามันจะมีอายุประมาณ3,000ล้านปี จริงแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์จากฝีมือมนุษย์แต่อย่างใดเพราะลักษณะรูปร่างโครงสร้างและองค์ประกอบต่างๆ

ที่มันดูคล้ายกันมากกับหินหินชาแมนที่ได้มีการค้นพบเพียงแต่วัตถุลึกลับชิ้นนี้ได้ผ่านอายุสภาพที่ยาวนานมากกว่าเท่านั้นเองหรือมันอาจจะต้องแปลกใจมันก็อาจจะอยู่ที่องค์ประกอบขอมันที่ดูคล้ายคลึงกับวัตถุทรงกลมที่อยู่บนชั้นหินของดาวอังคารที่ได้ถูกค้นพบในปี2014เป็นอย่างมาก ซึ่งวัตถุทรงกลมบนชั้นหินของดาวอังคารนี้มันได้ถูกเรียกว่าบลูเบอรี่ดาวอังคารที่มันยังได้เป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้

 

สนับสนุนโดย  next88 pantip

เหตุการณ์เพลิงโรงงานตุ๊กตาจังหวัดนครปฐม

หลังจากที่ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานตุ๊กตาแห่งนี้ก็ได้มีผู้ที่ไม่หวังดีได้แอบเข้าไปขโมยตุ๊กตาภายในโรงงานแห่งนี้ที่พึ่งจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ไปเองนำเอาออกมาให้ลูกหลานได้เล่นกันบางรายก็นำเอาไปขายแต่ทุกๆรายที่ได้นำเอาไปก็จะต้องนำเอากลับมาคืนที่โรงงานตุ๊กตาทุกตัวบางรายก็บอกว่าอยู่ดีๆตุ๊กตามันก็สามารถขยับขึ้นมาเองได้

อีกทั้งบางรายก็ยังได้พบอีกว่าได้กลิ่นเหม็นไหม้ออกมาจากตุ๊กตาช่วงที่ได้มีการเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานใหม่ๆชาวบ้านบางรายถึงขั้นเห็นว่าได้มีตุ๊กตาได้เดินข้ามถนนไปมาชาวบ้านว่ากันว่าโรงงานแห่งนี้เฮี้ยนมากๆไม่เพียงแต่เกิดเหตุแต่เรื่องของตุ๊กตาเท่านั้นว่ากันว่าคนขับรถสองแถวประจำทางก็ถูกผีหลอกเหมือนกัน

ซึ่งในเหตุการณ์วันนั้นเขาได้เล่าให้ฟังว่าเขาได้เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่ได้แต่งกายสวมชุดยูนิฟอร์มของโรงงานเขาจึงได้จอดรถรับหลังจากนั้นเขาก้ได้ขับรถไปชักระยะแต่เขากับนึกขึ้นได้ว่าตรงจุดที่เขาได้ไปรับหญิงสาวคนเมื่อกี้มันได้เป็นสถานที่โรงงานที่พึ่งเกิดไฟไหม้ไปนี่เองและเขาก็ไม่ได้เปิดกิจการมานานแล้วด้วยและหญิงสาวที่ได้ขึ้นมาบนรถของเราเป็นใครกันเสียงกริ่งได้

ดังขึ้นมาก่อนและจึงได้หยุดรถและได้หันด้านกระจกหลังปรากฏว่าพนักงานที่ได้ขึ้นมาบนรถก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยมากๆแต่เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวได้ผ่านไป โรงงานแห่งนี้เขาก็ได้กลับมาเปิดโรงงานกิจการของเขาอีกครั้งหนึ่งได้เป็นการเริ่มทำธุรกิจตุ๊กตาใหม่อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่นั้นไป

เมื่อโรงงานได้ดำเนินกิจการขึ้นมาใหม่ก็จริงแต่เรื่องราวสุดสยองขวัญมันยังคงอยู่และมันยังไม่ได้ไปไหนว่ากันว่าแล้วถึงโรงงานแห่งนี้มันจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ก็ตามแล้วมันก็ยังได้มีพนักงานที่ได้พบเห็นเรื่องราวแปลกๆได้เกิดขึ้นที่โรงงานอยู่บ่อยครั้งอาทิเช่นได้มีพนักงานได้เล่ากันว่าคืนวันนั้นเขาได้เข้าไปในห้องน้ำในโรงงานและในช่วงนั้นได้เป็นเวลากลางคืนในระหว่างที่เขาได้ทำธุระของเขา เมื่อเขาเสร็จธุระแล้วเขาก็ได้มาหยุดอยู่ตรงที่อ่างล้างหน้าหลังจากที่เขาได้ล้างมือเสร็จเขาก็ได้หันหน้าขึ้นมามองกระจกจากนั้น

เขากลับตกใจ เมื่อได้พบว่าเขาได้เห็นคนที่อยู่ในกระจกประมาณ10คนไปยืนอยู่เต็มข้างหลังเขาเลยทีเดียวและด้วยความตกใจเขาจึงได้หันกลับไปดูแต่กลับได้พบว่าในห้องน้ำนั้นไม่มีใครนอกจากเขาเลยแม้แต่ รปภ. ที่ได้เฝ้าอยู่ที่โรงงานแห่งนั้นก็พบเจอแต่เรื่องหลอนๆทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย  entaplay thailand

ตำนาน Chained Oak-ต้นโอ๊กที่ถูกล่ามโซ่

       ตำนานเกี่ยวกับต้นโอ๊คนี้เป็นตำนานเก่าแก่ของประเทศอังกฤษว่ากันว่ามีอายุมามากกว่า 200 ปีมาแล้วเป็นเรื่องราวอาถรรพ์และเกี่ยวกับเรื่องของการสาปแช่งเลยต้องออกที่เรากำลังจะพูดถึงกันอยู่ในขณะนี้ปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ซึ่งตอนนี้ต้องเอาต้นนี้ถือว่าเป็นต้นโอ๊กที่เก่าแก่ที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านอัลตัน  ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของรัฐสแตฟฟอร์ดเชียร์ โดยต้นโอ๊กนี้จะขึ้นในอยู่ในป่า ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ  ตำนานเกี่ยวกับนัต้นโอ๊กนั้น เป็นตำนานต้องคำสาป

ซึ่งมีมาแต่โบราณโดยระบุว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศักราช 1830 ในตำนานนี้ที่พูดถึงครอบครัวตระกูล เอิร์ล ซึ่งสกุลนี้ถือได้ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่และเป็นตระกูลขุนนางในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้เรื่องเล่ามีอยู่ว่าในขณะที่ เอิร์ล กำลังเดินทางออกจากที่ทำงานเพื่อจะไปที่บ้านของเขานั้นระหว่างทางเอิร์ล

ได้พบกับผู้หญิงแก่คนหนึ่งซึ่งเธอนั้นออกมายืนอยู่ริมถนนขวางรถม้าของเขาเอาไว้เลยเธอนั้นร้องขอเงินจากเอิร์ล ซึ่งเป็นเงินที่ไม่สูงมากนักเพียงแค่ประมาณ 1 เหรียญเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เอิร์ลทำนั่นก็คือเขาไล่หญิงชราคนนั้นไม่ให้มาขวางทางรถม้าของเขาอีกทั้งยังด่าทออย่างหยาบคายทำให้หญิงชราคนนั้นเกิดความไม่พอใจในที่สุดเธอ

ก็ได้เอ่ยคำสาปแช่งเอิร์ลออกมาด้วยคำสาปแช่งของเธอนั้นเป็นการสาปแช่งตระกูลของเอิร์ล เลยก็ว่าได้เพราะว่าหญิงชายคนนั้นบอกว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปถ้าหากต้นโอ๊กที่อยู่ข้างทางตอนนี้มีกิ่งหักลงมาเมื่อไหร่จะส่งผลให้คนในครอบครัวของเอิร์ล คนใดคนหนึ่งนั้นจะต้องเสียชีวิตลงและทุกครั้งที่กิ่งของต้นโอ๊กก็จะมีคนเสียชีวิตทุกครั้งโดยคนนั้นจะเป็นคนในตระกูลของเอิร์ล  ทั้งสิ้นและแน่นอนว่าเอิร์ล ไม่เชื่อเรื่องนี้อยู่แล้วเขาจึงได้เดินทางกลับบ้านแต่อย่างไรก็ตามในคืนวันนั้นเอง

อยู่ๆคนในครอบครัวของเอิร์ล ก็เสียชีวิต 1 คนซึ่งรับไปดูที่ต้นโอ๊คแล้วปรากฏว่าในคืนนั้นมีพายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทำให้กิ่งโอ๊คนั้นหักออกมา 1 กิ่งซึ่ง เอิร์ล ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าจะเป็นเพราะคำสาปแช่งแต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่มีต้นโอ๊กหักก็จะมีคนในตระกูลของเอิร์ล เสียชีวิตทำให้เอิร์ล

เรื่องเสื้อกับคำสาปแช่งนั้นจึงสั่งให้คนงานนำโชคขนาดใหญ่ไปมัดต้นโอ๊กเอาไว้เพื่อมิให้ กิ่งของต้นโอ๊กก็ลงมานั่งเองปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวหลายคนต่างก็พากันเดินทางไปดูต้นโอ๊กวันนี้ซึ่งลักษณะของต้นยังคงมีโซ่เก่าแก่ของอยู่และที่สำคัญบริเวณรอบต้นโอ๊กนั้นก็จะมีการทำทางเดินซึ่งเป็นม้าหินขึ้นไปสู่นักต้นโอ๊กต้นดังกล่าว  ตำนานเก่าแก่นี้ก็ยังคงมีการเล่าขานกันอยู่เรื่อยมา

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่พากันเดินทางไปเที่ยวที่นี่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขานั้นเชื่อเกี่ยวกับเรื่องตำนานนี้อย่างแน่นอนเพราะเมื่อเขาเดินทางไปเห็นโซ่เก่าแก่ที่คล้องอยู่กับต้นไม้เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของต้นไม้ต้นนี้ราวกับว่ามันไม่อยากให้ใครไปเข้าใกล้มันนั่นเอง

 

สนับสนุนมาจาก  entaplay

ตำนาน เชียงใหม่กับชายรูปงามแห่งเมืองหนองหาร จังหวัดอุดรธานี 

          สำหรับตำนานนี้ได้พูดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาดีเป็นที่ชอบพอของหญิงสาวไม่ว่าจะเป็นหญิงโสดหรือหญิงหม้ายหรือหญิงที่มีสามีแล้วก็ตามจนทำให้เขาต้องจบชีวิตลงจากความรูปหล่อของเขาโดยที่เขานั้นไม่มีความผิดเลยซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในสมัยโบราณในช่วงที่มีลาวอพยพเข้ามาอยู่ในตำบลหนองหารแห่งนี้ ซึ่งในสมัยนั้นเป็นที่อยู่ของหมู่บ้านเชียงงาม ในสมัยนั้นมีครอบครัวครอบครัวหนึ่งมีลูกชายที่หน้าตาน่ารักมากซึ่งเมื่อเขาถึงวัยเจริญเติบโตถึงคราวที่จะต้องบวช เขาจึงได้ให้ลูกชายนั้นบวชที่วัดแห่งหนึ่งเมืองแถวชานเมือง และด้วยความที่หน้าตาดีนี้เอง

ต่างพากันเดินทางมาเพื่อที่จะมาทำบุญที่วัดแห่งนี้โดยส่วนใหญ่ก็มักจะมาทะเลาะเบาะแว้งกันเพื่อต้องการที่จะเอาใจสามเณรรูปงามองค์นี้ ต่อมาถึงกำหนดที่สามเณรนั้นจะต้องบวชเป็นพระด้วยสมัยโบราณนั้นหากเณรสึกออกมาจากการเป็นเณรแต่ยังไม่ได้บวชเป็นพระ จะเรียกกันว่าเชียง และด้วยที่สามเณรองค์นั้นมี รูปร่างหน้าตาที่งดงามทำให้เขาถูกเรียกว่าเชียงงาม

  หลังจากที่สาวๆรู้ว่าเชียงงามนั้นกลับมาอยู่ที่บ้านแล้วต่างก็พากันเดินทางมาที่บ้านของเชียงใหม่รามโดยพากันมาทะเลาะตบตีแย่งเพื่อที่จะปฏิบัติเอาใจเชียร์งามซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีเจ้าแม่เมืองของเมืองเชียงรายร่วมอยู่ด้วย ผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นหญิงโสดหรือหญิงที่มีสามีแล้วต่างก็พากันที่มาบ้านของเชนงามเพื่อมาเอาอกเอาใจเชรียงงามกันจนเป็นเหตุให้สามีของหญิงสาวเหล่านั้นต่างก็พากันไม่พอใจ

และบรรดาสามีของหญิงสาวเหล่านั้นต่างก็พากันลงตัวไปฟ้องเจ้าเมืองหนองหานบอกว่าเชียงงามนั้นมาแย่งภรรยาของตนเอง ทำให้ครอบครัวของพวกเขานั้นเดือดร้อนจนเป็นสาเหตุให้เจ้าเมืองหนองหานได้มีการเรียกเชียงงามเข้าพบ และมาสอบสวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยเชียงงามนั้นได้มีการปฏิเสธไปว่าตนเองนั้นไม่ได้มีการล่อลวงให้หญิงคนไหนมาปรนนิบัติพัดวีแต่ว่าผู้หญิงเหล่านั้น

เดินทางมาหาตนเองและนำเข้าของมาให้ตนเอง แต่เจ้าเมืองหนองหานนั้นไม่ยอมฟังคำอธิบายของเชียงงามโดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความผิดของเชียงงามจึงให้เพชฌฆาตมาทำการตัดหัวของเชียงงามไปเสียบประจาน เพราะเจ้าเมืองหนองหานมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนในขณะที่เพชฌฆาตกำลังจะตัดคอเชียงงามนั้น

เขาได้ตะโกนสาปแช่งเจ้าเมืองหนองหาน และผู้คนในเมืองหนองหานให้ทุกคนนั้นไม่มีความเจริญรุ่งเรืองเนื่องจากว่าเขาต้องมาเสียชีวิตทั้งที่ตัวเขาเองนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยระบุว่าถ้าหากเมืองหนองหารนั้นมีความเจริญก็ขอให้เจริญแค่แป๊บเดียวแล้วก็กลับมาล่มจมอีก และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคำสาปแช่งของเชียงงามก็กลายเป็นเรื่องจริงเพราะเมืองหนองหานนั้นทุกวันนี้ก็ยังไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าที่ควรนั่นเอง

 

 

สนับสนุนโดย  next88

ตำนานเรื่องยักษ์มันมีจริงหรือว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา?

ตามข้อมูลที่เราได้ไปศึกษามาในเรื่องของยักษ์นั้นว่ามันยังมีอยู่อีกหรือเปล่าบนโลกของเรา ซึ่งเราตอบได้เลยว่ามันยังมีอยู่จริงๆและมันก็ยังได้มีอยู่อีกเยอะมากแต่คำว่าเยอะตรงส่วนนี้มันจะมีทั้งคำว่าของจริง และ ของปลอม และอีกอย่างหนึ่งที่เราได้มีความสนใจมันมากที่สุดนั่นก็คือมันยังได้มีอันที่ยังสรุปไม่ได้และไม่สามารถบอกได้ด้วยว่ามันได้เป็นของจริงหรือของเปล่าอยู่ ซึ่งตรงจุดนี้เราก็จะขอแยกออกมาเป็นทีละอย่างกันก่อนถ้าเราได้เอาของจริงที่เขายืนยันแล้วว่ามันได้มีการพบเจอได้มีการค้นพบกันจริงๆนั่นก็คือ หลักฐานรอยฟอสซิลที่มันได้มีอายุขัยมากกว่าหลักร้อยปี

ถ้าจะเอาตามข้อมูลที่เราได้ไปหามาแล้วเขายังได้บอกเอาไว้อีกว่าในปี1952นายสตอฟเฟล โคเอตซี ซึ่งได้เป็นนายพรานที่กำลังออกล่าสัตว์ป่าอยู่ใน ณ เวลานั้นเขาได้ไปเจอฟอสซิลที่เป็นรอยเท้าขนาดใหญ่อยู่ภายในป่าที่เขานั้นได้เข้าไปล่าสัตว์และเขาได้ไปแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้เข้ามาทำการตรวจสอบเพื่อที่จะได้พิสูจน์ว่าหลักฐานชิ้นนี้มันได้เป็นซากฟอสซิลโบราณหรือเปล่าหรือมันได้เป็นเพียงสิ่ง

ที่ทุกคนนั้นได้จัดทำมันขึ้นมา ซึ่งรอยเท้าตรงนี้หลักจากที่ได้มีการตรวจสอบจริงๆปรากฎว่ารอยเท้าขนาดยักษ์ที่ได้มีรูปร่างรอยเท้าเหมือนมนุษย์ตรงนี้มันได้เป็นของจริงและมีอายุมากกว่า50ล้านปี ซึ่งตรงนี้เราได้เชื่อเลยว่ามันไม่น่าจะมาเป็นของปลอมอย่างแน่นอน

ถ้าไม่ได้มีการเข้ามาเปลี่ยคําวินิจฉัยหรือได้มีการเปลี่ยนแปลงผลพิสูจน์เราก็ยังเชื่อว่ารอยเท้าอันนี้มันน่าจะเป็นรอยเท้าของมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ ส่วนหลักฐานที่สองที่เราได้พูดถึงไปนั่นก็คือหลักฐานปลอม ซึ่งหลักฐานปลอมตรงนี้มันได้มีอยู่เยอะมากๆเท่าที่เราได้ไปศึกษาหามาโดยส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นหลักฐานในรูปแบบของโครงกระดูกขนาดใหญ่ที่ได้มีการถ่ายรูปมาแล้ว

มีการแชร์ลงในโลกอินเตอร์เน็ตหรือลงบนเว็บไซค์ต่าๆว่ากันว่าหลักฐานต่างๆเหล่านี้มันได้เป็นการสร้างเรื่องกันขึ้นมาแล้วทำให้มันดูเหมือนว่ามันได้เป็นของจริงยกตัวอย่าง เมื่อ3-4ปีที่แล้วถ้าใครจำได้มันจะมีข้อความหนึ่งที่ทางฝรั่งนั้นที่เขาได้มีการแชร์กันมาที่คนไทยได้มีการแชร์กันต่อเยอะแยะมากมายมันคือเรื่องของโครงกระดูกที่มันได้มีอายุมากกว่า9พันปีและมันได้เป็นโครงกระดูกที่มันได้เป็นรูปร่างคนแต่มันได้มีขนาดที่ใหญ่มากๆ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  บา คา ร่า sagame

ซีอุย มนุษย์กินเครื่องในเด็ก

สำหรับซีอุยที่เขานั้นกินเครื่องในเด็กหรือว่ากินเครื่องในของมนุษย์หรือว่ากินเนื้อมนุษย์พอเราได้ไปศึกษาข้อมูลมา ซึ่งเราก็เคยได้ยินคำพูดหนึ่งจากอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งเขาบอกว่า ถ้ามนุษย์ได้ลองกินเนื้อหรือว่าเครื่องในของมนุษย์ด้วยกันเองครั้งแรกมันก็จะทำให้อยากกินไปเรื่อยๆและถ้าสมมุติว่าเป็นเนื้อเด็กหรือว่าเครื่องในเด็กมันก็จะยิ่งสด

และมันก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้น ถ้าตามหลักการแพทย์แล้วเขาบอกว่าเนื้อมนุษย์มีไขมันอยู่ค่อนข้างที่จะเยอะและสิ่งที่มนุษย์นั้นได้กินเข้าไปก็จะมีแต่อาหารชั้นดีและมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมันเลยทำให้เนื้อหรือว่าไขมันที่อยู่ในร่างกายของเราได้มีความชุ่มฉ่ำมีความอร่อยกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆเขาเลยมีการตั้งกฎหมายว่าห้ามฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและถ้าเกิดสมมุติว่ามีใครฆ่าหรือว่ามีใครที่กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเองมันผิดหลักมนุษยธรรมแล้วก็จะโดนลงโทษสูงสดก็คือประหารชีวิตเขาก็เลยไม่มีใครกล้าทำ แต่ถ้าเกิดว่ามีใครได้ลองไปแค่ครั้งเดียวจริงๆเราเดาเอาว่ามันน่าจะติดใจแล้วมันก็น่าจะอยากกินอีก สำหรับกรณีของ ซีอุย มันได้มีสาเหตุมาจากว่า

เมื่อประมาณสงครามโลกครั้งที่สอง ซีอุย เขาได้เป็นทหารที่ถูกส่งตัวไปรบในสงครามโลกครั้งนั้นและทีนี่มันได้เกิดสภาพวะที่ลำบากขาดน้ำขาดอาหารและสิ่งที่แย่มากที่สุดก็คือเห็นเพื่อนๆได้ตายไปต่อน่าต่อตาเห็นศพนอนตายอยู่ที่พื้นเต็มไปหมดที่นี้ ซีอุย เอง ต้องการที่จะมีชีวิตรอดแต่จะทำยังไงได้ขาดอาหารขาดน้ำก็จำเป็นที่จะต้องกินเลือดกินเครื่องในกินเนื้อของคนที่ตาย

ที่เป็นศพนอนกันอยู่นั่นแหละ และนั่นเองมันก็ได้เป็นครั้งแรกที่ ซีอุย เขาได้รองกินเนื้อมนุษย์เครื่องในมนุษย์ครั้งแรกมันเลยน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาก่อคดีและเป็นสิ่งที่สะเทือนขวัญจนมาถึงปัจจุบันและกลายเป็นคำขู่ที่ผู้ใหญ่สมันก่อนชอบขู่เด็กเวลาไปเที่ยวไหนต่อไหนคนเดียวแล้วก็ไปในที่เปลี่ยวแล้วชอบขู่ว่า อย่าไปไหนคนเดียวนะ

เดี๋ยว ซีอุย จะมากินตับ ซึ่งในกรณีที่ได้กินเนื้อมนุษย์ครั้งแรก เราได้มองว่ามันได้เหมือนกรณีหลักจิตวิทยาของการฆ่าคนครั้งแรกเหมือนกันเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ว่า หากเคยไปฆ่าใครซักคนแล้วในครั้งแรกเราก็จะสามารถที่จะลงมือฆ่าคนอื่นครั้งที่สองได้เลยเลยที่ไม่มีความรู้สึกผิดหลงเหลืออยู่เลยก็เป็นได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน

เด็กสาวหรือหญิงสาวผิวปาก

ถ้าพูดถึงการถือป่าส่วนใหญ่ผู้ชายจะผิวปากแต่ผู้หญิงเวลาผิวปากก็มีตั้งเยอะหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนของฉันนั่นเองที่มันจะผิวปากอยู่ตลอดเวลาและเปิดเฉพาะตอนที่เธอโมโหผิวปากบ่อยมากแล้วจะผิวเสียงดังจะทุกคนรำคาญแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยรู้ว่าจะมีความเชื่อมีอยู่ด้วยแต่ทุกคนคงจะยังไม่รู้กันนี่นาเรื่องความเชื่อนี้ที่กำลังจะกล่าวถึงถ้างั้นเรามาดูกันเลยว่า

สิ่งที่ฉันกำลังจะเล่าเป็นยังไงบ้างและถ้าเกิดว่าคนข้างๆหรือคนรอบข้างคุณผิวปากขึ้นเป็นผู้หญิงก็ไปเตือนเขาด้วยนะคะ ในครั้งนี้เราจะเล่าถึงความเชื่อและเล่าถึงเหตุผลว่าทำไมถึงมีความเชื่อในขึ้นมาเรามาดูกันเลยค่ะว่าความเชื่อที่กำลังจะกล่าวถึงนี้จะเป็นอย่างไร

มีความเชื่ออยู่ว่าหากผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ถ้าหากผิวปากแล้วว่ากันว่าผีบ้านผีเรือนจะมาตบปากชาติหน้าปากก็จะเบี้ยวจะบูดปากจะไม่สวยจะทำให้หน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดไม่มีใครรักไม่มีใครสนใจดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะหนังเรื่องไหนก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะผิวปากเลยสักคนเพราะความเชื่อนี้

ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงของหนังซึ่งจะเป็นในยุคที่การะเกดได้ถูกย้อนยุคไปนั่นเองค่ะ ซึ่งคนโบราณเชื่อกันว่าหากหญิงสาวหรือเด็กผิวปากถือเป็นการลบหลู่เจ้าที่ลบหลู่ผีบ้านผีเรือนดังนั้นผีบ้านผีเรือนหรือเจ้าหน้าที่ก็จะตบปากเราจะถึงแม้เราจะไม่รู้ตัวแต่ว่ากันว่าในชาติหน้าเราจะเป็นคนที่จะปากเบี้ยวหน้

าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดมีแต่คนเกลียดแต่ถ้าถามถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ผู้หลักผู้ใหญ่สร้างความเชื่อนี้ขึ้นมาก็คือการที่ผู้หญิงผิวปากนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สำรวมการผิวปากนั้นส่วนใหญ่จะผิวปากจากผู้ชายแต่ถ้าผู้หญิงมาผิวปากมันจะทำให้ดูไม่สุภาพทำให้ดูน่าเกลียดกิริยามารยาทดูน่าเกลียดดังนั้นผู้หลักผู้ใหญ่จึงได้สร้างความเชื่อนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้หญิงทุกคนไม่ผิวปากจะได้มีกิริยามารยาทที่ดูดีใครเห็นก็คิดว่ามารยาทดูดีทั้งนั้นไม่คิดว่ามารยาทไม่ดีนั่นเองค่ะ

ว่าแต่ว่าถ้าเกิดว่าตัวเองจะไม่โดนเองนั้นก็อาจจะไปเกิดขึ้นกับลูกของตัวเองที่เราจะเป็นคนถือกำเนิดไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงบาปที่เราสร้างด้วยการลบหลู่เจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือนนั้นก็จะไปลงกับลูกของเราด้วยการที่ทำให้ลูกของเรานั้นหน้าตาน่าเกลียดปากเบี้ยวหรือบางทีก็อาจจะพิการก็เป็นได้ซึ่งส่วนใหญ่จะพิการมาตั้งแต่เกิดดังนั้นผู้หญิงส่วนใหญ่

จึงเลือกที่จะไม่ถือปากเพื่อเป็นการที่จะหลีกเลี่ยงไปก่อนเผื่อเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงเพราะใครๆก็คงไม่อยากให้ลูกที่ตัวเองถือกำเนิดขึ้นมาหน้าตาอัปลักษณ์จนทุกคนรังเกียจและก็คงไม่มีใครต้องการให้ตัวเองหน้าตาอัปลักษณ์จนทุกคนรังเกียจเช่นเดียวกันค่ะ 

สำหรับครั้งนี้ขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ

 

สนับสนุนโดย  สมัครsagame

เรื่องราวของเทพารักษ์กับชายหนุ่มตัดต้นไม้ 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นณหมู่บ้านแห่งหนึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นณหมู่บ้านแห่งหนึ่งโดยมีชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาทำอาชีพกับต้นไม้ทุกวันใครจะเข้าไปที่ป่าริมลำธารแห่งหนึ่งเพื่อที่จะได้ตัดต้นไม้ ตอนนี้อยู่วันหนึ่งพี่เริ่มโชคร้ายก็เกิดขึ้นกับเขาเพราะว่าเขานั้นได้เสริมทำขวานตกลงไปในแม่น้ำ

ซึ่งเขานั้นเป็นคนจนไม่มีเงินมากพอที่จะสามารถซื้อกว่าทำไมทำให้เขาร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่มีเงินมาซื้อขวัญใหม่และเมื่อเป็นอย่างนี้เขาก็ไม่มีอาชีพที่จะทำมาหากินอีกต่อไปแล้วแต่อยู่อยู่เขาก็ต้องหยุดร้องไห้เพราะดีมีแสงสว่างจ้ามากเกิดขึ้นทำให้เขาแสบตาเป็นอย่างมากเมื่อเปิดตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พบกับเทพารักษ์หนุ่มคนหนึ่ง

โดยเทพารักษ์คนนั้นบอกว่าเจ้าร้องไห้เพราะเรื่องอะไรให้หนุ่มบอกว่าเขานั้นได้

เผลอทำขวัญไม้ของตัวเองตกลงไปในแม่น้ำและตอนนี้เขาก็ไม่มีขวานที่จะมาตัดต้นไม้อีกแล้วเทพารักษ์สงสารจึงบอกว่าถ้าจะช่วยเจ้าโดยการงมหาขวานของเจ้าเองสัก เผลอทำขวัญไม้ของตัวเองตกลงไปในแม่น้ำและตอนนี้เขาก็ไม่มีขวานที่จะมาตัดต้นไม้อีกแล้วเทพารักษ์สงสาร

จึงบอกว่าถ้าจะช่วยเจ้าโดยการงมหาขวานของเจ้าเองสักพักเทพารักษ์ก็หายตัวไป 5 นาทีต่อมาเทพารักษ์ก็กลับขึ้นมาพร้อมกับขวานทองที่อยู่ในมือเทพารักษ์ถามชายหนุ่มว่า นี้ใช่ขวานของเจ้าหรือไม่ชายหนุ่มรีบตอบทันทีว่านี้ไม่ใช่ขวานของข้าเมื่อได้ยินอย่างนั้นเทพารักษ์ก็ได้ลงไปใต้แม่น้ำอีกครั้งไม่นานนัก เทพารักษ์ก็ขึ้นมาจากแม่น้ำอีกครั้ง ขวานเงินที่อยู่ในมือ หลังจากนั้นเขาก็ได้ตอบทันทีว่านี่ก็ไม่ใช่ขวานของข้าเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นเทพารักษ์ ก็ได้หายตัวไปในน้ำอีกครั้งแต่คราวนี้ขวัญที่ได้มานั่นก็คือขวัญไม้ซึ่งเป็นขวานของชายตัดต้นไม้เมื่อใช้ตัดต้นไม้เห็นดีใจและขอบคุณเทพารักษ์เป็นอย่างมากพร้อมกับบอกว่าสักวันหนึ่งจะตอบแทนหลังจากนั้นเขาก็กำลังจะลุกเดินจากไปอยู่ๆเทพารักษ์ก็เรียกชายหนุ่มคนนั้นพร้อมกับเศษขวานทองและขวามีเงินในมือออกมาและมอบให้กับชายตัดต้นไม้

เขาบอกว่าใช้กับต้นไม้นั้นเป็นคนดีใช้กับต้นไม้จะได้ขวัญไปเมื่อเอาไปขายก็ได้เงินเป็นจำนวนมากจนได้กลายเป็นเศรษฐีไม่นานนัดชาวบ้านก็ได้รู้ว่าเศรษฐีชายกับต้นไม้นั้นได้เงินมาได้อย่างไรทำให้มีเพื่อนบ้านที่อิจฉาคนหนึ่งได้ไป น้ำตาลนั่นก็คือการขว้างขวานของตัวเองซึ่งเป็นควันไม้ลงไปในแม่น้ำอีกครั้งเทพารักษ์ก็ปรากฏ

ตัวมาเช่นกันและเมื่อเทพารักษ์กับขวานทองมาให้ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่าใช่บอกว่าขวานทองนั้นคือของตัวเองและยังบอกอีกว่าขวานเงินนั้นก็เป็นของตัวเองแต่ขวัญที่เป็นไม้ของตัวเองนั้นไม่ใช่ของตัวเองจริงๆแล้วเทพารักษ์นั้นรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้โกหกเทพารักษ์จึงลงโทษหายตัวไปไม่ให้ทั้งขวัญไม้ของชายหนุ่มคนนี้คืนรวมถึงเขาก็ไม่ได้ขวานทองเหลืองความเงินด้วยเช่นเดียวกันนิทานเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สอนว่าโลภมากลาภหาย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ตำนานมนุษย์หมาป่ามีอยู่จริงๆบนโลกหรือเปล่า?

ถ้าพูดถึงเรื่องตำนานมนุษย์หมาป่าเราเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้ยินแล้วก็น่าจะได้เห็นกันมาแล้วเพราะตำนานนี้มันค่อนข้างที่จะเป็นตำนานที่โด่งดังมากที่สุดในลำดับต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้ โดยลักษณะทั่วไปของมนุษย์หมาป่าก็จะเป็นลักษณะที่ว่าเป็นมนุษย์ ที่เปลี่ยนกายเป็นหมาป่าและมีการยืนหรือลักษณะท่าทางในการเดินเหมือนคนทั่วไปก็คือเดินสองขาแล้วก็จะเปลี่ยนกายในคือที่พระจันทร์เต็มดวงและจะต้องมองไปที่พระจันทร์เท่านั้น

ถึงจะเปลี่ยนกายได้ ซึ่งมนุษย์หมาป่านั้นตามประวัติเขาได้ถูกจัดให้อยู่หมวดหมู่เดียวกันกับพวกผีแวมไพร์ด้วย โดยสาเหตุที่คนเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้นั้นตามตำนานได้บอกเอาไว้ว่าเพราะโดนคำสาปจากการที่ชอบล่าสัตว์ป่าจึงถูกให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าโดนหลีกเลี่ยงไม่ได้และวิธีเดียวที่สามารถหยุดมนุษย์หมาป่าได้ก็คือจะต้องจับตายเพียงเท่านั้น ซึ่งวิธีสังหารมนุษย์หมาป่าแต่ละตำนานมันก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปอย่าที่เราได้บอกกันไปก่อนน่านี้ว่า

ตำนานมนุษย์หมาป่ามันมีอยู่หลายที่และมันได้มีอยู่หลายตำนานมากแต่วิธีสังหารมนุษย์หมาป่าที่โด่งดังที่สุดจะมีอยู่สองวิธีด้วยกันคือ หนึ่งจะต้องยิงกระสุนให้เจาะที่หัวใจของมนุษย์หมาป่าเท่านั้นและกระสุนนั้นมันก็จะต้องเป็นกระสุนที่ต้องทำมาจากโลหะเงินด้วยเพราะถ้าเป้นกระสุนแบบอื่นจะไม่สามารถสังหารมนุษย์หมาป่าได้นั่นเอง

หรือ อีกวิธีหนึ่งที่โด่งดังเช่นกันก็คือจะต้องใช้ดาบที่ลงคาถาอาคมไว้แทงทะลุไปที่หัวใจเท่านั้นถึงจะหยุดมนุษย์หมาป่าได้นั่นเอง ซึ่งตรงนี้มันเป็นตำนานมนุษย์หมาป่าและการสังหารมนุษย์หมาป่าที่เราจะได้ยินกันบ่อยมากแต่ถามว่าในโลกเรามันมีเพียงตำนานที่เป็นครึ่งคนครึ่งหมาป่าหรือแค่มนุษย์หมาป่าอย่างเดียวหรือเปล่าถามตามข้อมูลที่เราได้ไปหามาต้องขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่

แต่ละภูมิภาคแต่ละทวีปก็จะมีตำนานในละที่ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่นในแทบอเมริกาใต้มันก็จะมีตำนานมนุษย์งูหรือสิ่งมีชีวิตที่แท่นบนเป็นคนแท่นล่างเป็นงูในแทบแอฟริกาก็มีตำนานมนุษย์เสือดาวมนุษย์ช้างและมนุษย์เสือดำหรือแม้แต่ในแทบประเทศเราก็ยังมีตำนานครึ่งคนครึ่งสิงโตที่เราเรียกในนามว่า นรสิงห์

ก็มีอยู่เช่นกัน ซึ่งตำนานตรงนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นตำนานที่เป็นเฉพาะความเชื่อที่เชื่อมโยงของเรื่องศาสนาของแต่ละพื้นที่แต่ในเรื่องของมนุษย์หมาป่าคนส่วนใหญ่เชื่อกันว่ามันน่าจะมีอยู่จริงๆ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8