หมวดหมู่: ตำนาน

The Bloop ได้มีตัวตนจริงๆอยู่บนโลกเราหรือไม่ ?

The Bloop ได้มีตัวตน ซึ่งเสียงของThe Bloopเราก็ได้ไปหาข้อมูลมาแล้วก้หลักฐานต่างๆมาและเสียงที่ได้มีการตรวจพบได้นั้นมันเป็นเสียงของThe Bloopหรือสิ่งมีชีวิตหรืออะไรสักอย่างที่มันได้อยุ่ใต้ท้องทะเลและปล่อยคลื่นเสียงนี้ออกมาและคลื่นเสียงนี้มันได้มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2540และได้ถูกถกเถียงกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เจ้าเสียงนี้มันคืออะไรกันแน่

เนื่องจากนี้จากการที่เราไปหาข้อมูลมาปรากฏว่าเราได้ทฤษฎีหลักๆมาอยู่สองทฤษฎีด้วยกันโดยทฤษฎีตรงนี้ขออธิบายแต่ละทฤษฎีให้ได้อ่านกันและจะอธิบายให้เห็นภาพในแต่ละทฤษฎีโดยทฤษฎีแรกที่เขาตั้งกันนั่นก็คือคลื่นเสียงนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์

ซึ่งจากข้อมูลตรงนี้ที่เราได้ไปหามาเขาได้คาดการณ์กันว่าเจ้าเสียงThe Bloopมันคือคลื่นเสียงที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์อาจจะด้วยจุดประสงค์จุดประสงค์หนึ่งแต่ถ้าเรามองในยุคเวลาในตอนนั้นที่มันเป็นปลายสงครามโลกหรือสิ้นสุดสงครามโลกไปแล้วแต่มันก็ยังมีสงครามเล็กสงครามน้อยกันอยู่มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นคลื่นเสียงรบกวนเพื่อก่อกวนเพื่อหลอกล่อให้สัตรูเข้าใจผิดก็เป็นได้

นอกจากนี้เราถามว่ามันจะมีความเป็นไปได้หรือไม่มันก็อาจจะมีความเป็นไปได้แต่ตรงนี้มันได้มีข้อจำกัดอยู่หนึ่งอย่างนั่นก็คือคลื่นเสียงที่เราพูดถึงตรงนี้เขาบอกว่ามันมีนัยการกระจายเสียงมากกว่า5,000กิโลเมตร

เพราะฉะนั้นแล้วมันจะมีอะไรสักอย่างในยุคเมื่อประมาณ20ปีที่แล้วที่จะสามารถส่งคลื่นเสียงที่ดังได้ขนาดนี้และไกลได้ขนาดนี้ตรงนี้เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้แต่มันก็เป็นอีกทฤษฎีที่มีคนตั้งมันขึ้นมาและมีคนสนใจอยู่พอสมควรส่วนทฤษฎีที่สองมันคือทฤษฎีที่คนได้เชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือคลื่นเสียงThe Bloopเกิดจากที่ก้อนน้ำแข็งหรือ๓เขาน้ำแข็งในทะเลเลื่อนตัวและเสียดสีกัน

ดังนั้นในทฤษฎีนี้เราต้องขอบอกก่อนว่าถ้าจะให้อธิบายให้ละเอียดมันค่อนข้างที่จะลึกมากแต่ถ้าเกิดอธิบายให้คุณผู้ชมเข้าใจได้ง่ายขึ้นคุณลองนึกสภาพมีรถสองคันมันได้ถูกันใกล้ๆมันจะมีเสียงที่เกิดจากการเสียดสีกันขึ้นมาแน่นอนแล้วว่าเหตุการแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ในภูเขาน้ำแข็งก็เช่นกัน

เนื่องจากนีเขาก็เลยคาดการณ์กันว่าเสียงThe Bloopนี้มันน่าจะเกิดมาจากการที่ว่าภูเขาน้ำแข็งหรือว่าก้อนน้ำแข็งสองก้อนมันได้เสียดสีกันจนทำให้เกิดเสียงออกมาในระยะกว้างมากๆและกลายมาเป็นเสียงแบบที่เราได้ยิน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    wm gaming

ตำนานพญานาคกับครุฑ

สำหรับพญาครุฑนอกจากจะปรากฏตัวอยู่บนพาสปอร์ตแล้วก็ตราต่างๆของทางราชการแล้วมันก็ยังได้ไปโผล่ในอีกหลายๆที่เลยที่เกี่ยวข้องกับพวกศาสนาความเชื่อแล้วก็อะไรต่างๆถึงแม้ว่าพญาครุฑอาจจะไม่มีความฮิตเท่ากับพญานาคก็ตามแต่เราก็จะเห็นได้ว่าบางทีพญาครุฑได้มีภาพถ่ายรูปคู่กับพญานาคอีกด้วย

ซึ่งเราทุกคนได้เคยสังเกตุกันหรือไม่ว่าทำไมพญาครุฑถึงได้จับพญานาคมาทำอะไรแบบนี้ด้วย  ตำนานพญานาคกับครุฑ เรื่องนี้มันได้มีที่มาก็คือเป็นปัญหาครอบครัวล้วนๆเลยถ้าจะให้เล่าก็ต้องย้อนกลับไปถึงตำนานของทั้งสองตนนี้เลยบางตำนานมันก็ได้มีอยู่หลายฉบับมาก

ดังนั้นในแบบที่เราได้เล่าไปในวันนี้ก็อาจจะไม่ตรงในแบบที่เพื่อนๆเคยไปได้ยินมาที่อื่นคิดเสียว่าอ่านเพื่อความสนุกก็แล้วกันว่ากันว่าพญาครุฑกับพญานาคก็ได้เป็นพี่น้องต่างมารดากันโดยพ่อของเขาก็จะเป็นฤาษีที่มีชื่อว่าพระกศยปเทพบิดรท่านได้มีเมียหลายนางมากและสองคนที่ท่านได้ชอบมากก็เป็นเมียที่เป็นแม่ของพญานาคแล้วก็พญาครุฑและทั้งสองก็เป็นพี่น้องกันด้วย

แม่ของพญาครุฑมีชื่อว่านางวินตา

ส่วนแม่ของนางพญานาคนั้นเราจำชื่อไม่ได้เราจะของเรียกชื่อเล่นเอาแล้วกันและแม่ของทั้งพญานาคและพญาครุฑด้วยความที่ว่ามีสามีคนเดียวกันก็เลยเกิดความอิจฉาตีกันเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนละครไทยน้ำเน่าที่มีทั่วไป

นอกจากนี้เรื่องมันก็ได้มาลงเอยที่ว่าแม่ทั้งสองตนนี้ที่กำลังจะมีลูกพร้อมๆกันและในเวลานั้นสามจึงได้ให้พรถ้าใครเคยอ่านวรรณคดีอินเดียหรือฟังเรื่องเกี่ยวกับอินเดียก็จะรู้แล้วว่าเมื่อไรที่เห่ล่าเทพอินเดียให้พรมันก้จะเป้นจุดเริ่มต้รของเรื่องวิบัติทุกครั้ง

เนื่องจากนี้เองแม่ของพญานาคก็ได้ขอพร

ด้วยความอิจฉาขอให้มีลูกเยอะๆให้เยอะกล่าวพญาครุฑอีกส่วนแม่ของครุฑเมื่อได้เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่ขออะไรเยอะของลูกเพียงแค่สองตนพอแต่ขออำนาจที่หลากหลายที่ใครจะมาคิดทำร้ายก็ขอให้ทำไม่ลงจากนั้นพรของทั้งสองก็เกิดผล

ซึ่งแม่ของพญานาคต่อมาก็ออกลูกมาเป็นพันเลยส่วนแม่ของพญาครุฑก็ออกลูกมาเป็นไข่สองฟองโดยไข่ของแม่พญานาคที่ออกก็เป็นไข่ที่หลากหลายสีมากพอถึงเวลามันก็จะฟักออกมาททีละฟองและใบแรกที่ฟักออกมานั้นจะมีหัวหลายพันหัวและมีร่างกายที่ยาวมากหลงจากนั้นก็ตามมาด้วยนาคต่างๆอีกหลายตัวที่ฟักตามมา

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  หวยออนไลน์บาทละ 1000

ความเชื่อที่คนเรามักจะคิดไปเอง

บนโลกของเราใบนี้นั้นมีอะไรหลายๆอย่างที่มักจะทำให้คนเรามีความคิดที่แตกต่างกันไป ซึ่งความคิดแต่ละคนก็ของใครของมัน แต่ความคิดที่มักจะเผยแพร่ออกมาด้วยความรู้ที่ผิดๆ นั้น เมื่อเราได้ยินหรือได้ฟังแล้วก็ควรที่จะต้องนำมาวิเคราะห์กันให้ดีว่าสิ่งที่ฟังมาหรือได้ยินมานั้น เป็นความเชื่อที่เรานำมาเชื่อกันได้หรือเปล่า เช่น

ความเชื่อที่ว่าหากโดนงูกัด ให้ใช้ปากดูดพิษออกไป ซึ่งความเชื่อประเภทนี้มักจะเป็นความเชื่อของคนที่ดูละครกันมักไป เพราะชีวิตเราไม่ใช่ละครนะ หลายๆเรื่องในละครเมื่อมีคนโดนงูกัด จะเห็นว่าคนที่มาช่วยเหลือมักจะเอาปากมาดูดพิษออกจากแผลที่โดนกัน นั่นจึงทำให้หลายคนมักจะเชื่อว่าถ้าเจอคนโดนงูกัดแล้ว หากช่วยด้วยวิธีนี้จะทำให้พิษออกจากร่างกายของคนที่ถูกงูกัด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว

หากทำวิธีนั้นกันจริงๆ ไอ้คนที่เอาปากไปดูดพิษนี่แหละจะโดนพิษงูเล่นงานแถทน เพราะว่าพิษงูก็จะซึมเข้าปากเราแทน ไปพร้อมกับแบคทีเรียที่อยู่บนปากแผลของคนที่โดนงูกัน ซึ่งวิธีการปฐมพยาบาลในความเป็นจริงแล้วนั้น การที่เราเจอคนที่ถูกงูกันนั้น เราต้องให้ตำแหน่งของอวัยวะที่ถูกงูกัดอยู่ต่ำกว่าหัวใจ เช่นหากงูกันบริเวณมือก็ทำให้มือห้อยลงต่ำ จากนั้นก็รีบส่งโรงพยาบาลทันที

ความเชื่อที่ห้ามปลุกคนเดินละเมอให้ตื่น ซึ่งเป็นความเชื่อของคนโบราณว่าหากมีการปลุกคนให้ตื่นต้องที่เดินละเมอแล้วนั้น จะทำให้วิญญาณออกจากร่าง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อที่ผิดๆ หรือบางทีก็คิดกันไปว่า หากปลุกคนเดินละเมอก็จะทำให้หัวใจวาย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น ทางวิทยาศาสตร์ได้กล่าวว่า การปลุกให้คนที่นอนเดินละเมอนั้น เป็นสิ่งที่ควรกระทำเพราะเราไม่รู้ว่าเค้าอาจจะเดินไปชนของอะไรได้รับบาดเจ็บ แถมยังไม่ได้เป็นการทำให้เค้าเป็นอันตรายใดๆ อีกด้วย

ความเชื่อที่ว่าห้ามถอนผมหงอก เพราะยิ่งถอนนั้นหงอกก็จะยิ่งขึ้น แปลกแต่จริงที่คนเรามีความเชื่อนี้ขึ้นมา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เนื่องจากว่ารากเส้นผมของเราหนึ่งรากนั้น มันขึ้นได้เพียงแค่หนึ่งเส้นต่อหนึ่งรากเท่านั้น เรียกว่ารากใครก็รากมัน ไม่ว่าคุณจะถอนคุณจะตัดขนหงอกของคุณบ่อยแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ทำให้หงอกขึ้นมากกว่านี้หรอก เพราะสาเหตุที่มีผมหงอกหรือขนหงอก มันเกิดจากความเครียด พันธุกรรม หรือตัวยาบางชนิดที่คนเรารับประทานเข้าไป

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยฮานอย

ประวัติศาสตร์ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

สำหรับที่เยอรมันในยุคกลางเค้าก็ได้มีการทำเค้กขึ้นมาเพื่อที่จะฉลองให้กับเด็กจริงๆตอนแรกมันก็เป็นแค่การฉลองกันในงานวันเด็กพวกเขาก็จะทำขนมปังขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วก็จะมีแบบลูกอมโรยด้านบนเพื่อที่จะแจกให้กับเด็กๆทั้งหลายก่อนที่ตอนหลังๆขนมปังก็จะได้ถูกแต่งเพิ่มเติมความหวานขึ้นมีครีมมีอะไรเยอะไปหมดจนมันได้กลายมาเป็นเค้กอย่างที่เรานั้นได้เห็นกันในปัจจุบัน

ซึ่งจากการที่ฉลองแค่วันเด็กก็เริ่มมีการฉลองเป็นรายบุคคลมากขึ้นโดยจะเริ่มต้นมาจากคนชั้นสูงเท่านั้นเพราะว่าราคาวัตถุดิบของเค้กสมัยก่อนนั้นมันจะแพงมากจะทำเค้กก้อนหนึ่งทีเงินเดือนหมดไปทั้งกระเป๋าเลยทีเดียวจนกระทั่งต่อมาจนมาถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เราสามารถผลิตเค้กได้ในราคาถูก

โดยเด็กๆทุกคนนั้นก็ได้เริ่มเอ็นจอยกับเจ้าเค้กวันเกิดนี้ซึ่งจะมีการเป่าเทียนแล้วก็ร้องเพลงกันแล้วรู้หรือไม่ว่าเจ้าเพลงวันเกิดมันมีต้นกำเนิดมาจากไหนจริงๆแล้วตัวเพลงเองมันเป็นยุคแรกๆเลยกล่าวคือในปี1893มีคุณครูอยู่สองท่านและทั้งสองท่านนี้เธอได้เป็นพี่น้องกันและได้แต่งเพลงหนึ่งขึ้นมามีgood morninเป็นเพลงที่ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรเกี่ยวกับวันเกิดเลยเป็นเพลงที่ครูทั้งสองแต่งขึ้นมาร้องก่อนที่จะเริ่มเรียนกันเทานั้นเอง

นอกจากนี้ในทำนองของเพลงนี้ก็จะเป็นทำนองเหมือนกับเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์เลยหลังจากนั้นทำนองมันก็ได้ไปถูกใจวัยโจ๋คนหนึ่งขึ้นมาผู้ชายคนนี้เขาก็เลยได้นำเอาจังหวะของเพลงนี้ไปผสมให้มันเข้ากับเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์จนทำให้มันกลายมาเป็นเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์ให้เราได้ร้องกันไปทั่วโลกนี่แหละ

ดังนั้นหลายๆประเทศก็นำทำนองนี้ไปทำเพื่อให้เข้ากับว่าเป็นภาษาของตัวเองเวลาเราไปแต่ละทีเขาก็จะมีเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์ในภาษเขาแต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่ว่าเพลงในภาษาไทย

ซึ่งที่น่ารู้อีกอย่างของเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์ก็คือเราไม่สามารถนำเอามาใช้ได้อย่างซี้ซั้วถามนำมาร้องอวยพรกันแบบนี้ได้แต่ทว่าจะนำเอาไปใส่สื่ออะไรคือห้ามเพราะว่าเขาจะต้องขออนุญาตก่อนมันเป็นเพลงที่ถูกจดลิขสิทธิ์เอาไว้เคยมีการฟ้องร้องกันด้วยก็เป็นที่น่าเหลืองเชื่อว่าเพลงที่เคยแต่งมาเมื่อราวๆ100กว่าปีที่แล้วยังทำรายได้ยังปัจจุบันนี้

เพราะนั้นแล้วสำหรับเพลงนี้มันทำรายได้ให้กับครองบครัวของสองพี่น้องนี้ถึงปีละ2ล้านเหรียญสสหรัฐเลยทีเดียว 

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์ ถูกกฎหมาย

ภาพวาดโบราณในถ้ำหิน

นอกจากนี้ว่ากันว่านี้คือสถานที่ที่มนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือนมาก่อนถ้ามีคนรู้จักการก่อสร้างต่างๆก็จะมีความเป็นไปได้ที่มนุษย์ต่างดาวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างสถานที่แปลกๆเหล่านี้ขึ้นมาเพราะว่ามันยังมีอีกหลายข้อที่ยังเป็นข้อสงสัยว่าและมนุษย์สร้างขึ้นมาได้อย่างไงทั้งๆที่สมัยก่อนวิวัฒนาการต่างๆก็ยังไม่ได้ก้าวหน้าไปถึงขนาดนี้

โดยภาพวาดภาพแรกนั้นก็คือภาพวาดโบราณในถ้ำหินศิลปะโบราณอายุราวๆพันปีมันก็คือสิ่งที่มนุษย์สร้างมันขึ้นมาในสมัยก่อนถามว่าภาพเขียนในลักษณะนี้มนุษย์เราจิตนาการจากอะไรจึงทำให้ใครหลายคนนั้นได้สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้วาดภาพเหล่านี้

ซึ่งนักวิชาการเชื่อกันว่าในสมัยก่อนมนุษย์โบราณอาจจะมีการติดต่อกับเทพเจ้าหรือผู้ที่มาจากฟ้านั่นก็คือมนุษย์ต่างดาวนั่นเองอาจจะมีการติดต่อสื่อสานกันมาก่อนและไม่น่าเชื่อว่าภาพแปลกๆเหล่านี้ได้มีให้เห็นตามฝาผนังเกือบจนทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ทั้งภาพเขียนมนุษย์ทั้งภาพเขียนจานบินมนุษย์ต่างดาวต่างๆไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ทะเลทรายซาฮาร่าที่มีอายุราวๆเกือบ6พันปีเลยที่เดียวไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นฝีมือจากมนุษย์ที่ได้สร้างขึ้นมาจากจิตนาการ

นอกจากนี้ภาพวาดฝาผนังที่เมืองคิมเบอร์ลี่อายุราวๆเกือบ5พันปีถ้าสังเกตลักษณะให้ดีๆมันเหมือนกับภาพเอเลี่ยนที่อยู่รวมกันหลายๆตัวเลยทั้งรูปลักษณ์และลักษณะท่าทางของพวกเขามันได้ตรงกับสิ่งที่มนุษย์นั้นได้เชื่อกันว่าเอเลี่ยนจะต้องน่าตาแบบนี้แต่อยากจะถามว่าคนในสมัยก่อนเขาจะรู้กันได้อย่างไรว่าเอเลี่ยนมันจะต้องมีน่าตาแบบนี้ถ้าพวกเขานั้นไม่เคยพบเจอกับพวกมันมาก่อน

เนื่องจากนี้ยังมีอีกสถานที่หนึ่งทุ่งหญ้าคอบโซโค้ววงกลมประหลาดที่เกิดกลางทุ่งนาของชาวบ้านเป็นวงกลมประหลาดที่ถูกพบอยู่หลายแห่งในยุโรปถูกพบครั้งแรกเมื่อในปี1678ที่ประเทศอังกฤษ 

โดยวงกลมประหลาดเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาจากต้นพืชที่ล่มโดยที่ไม่ทราบถึงสาเหตุเลยว่ามันล่มได้อย่างไรและทำไมมันถึงล่มเป็นรูปร่างที่มีลักษณะเป็นรูปแปลกประหลาดตามรายงานก็ได้พบว่าได้มีการพบคอบโซโค้วมากกว่าหนึ่งพันครั้งมักจะเป็นรูปทรงวงกลมและวงรีขนาดและรูปทรงของคอบโซโค้วก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น

ซึ่งมันอาจจะมีรูปวงกลมซ้อนบางที่ก็พบว่ามีเส้นตรงและมีวงกลมแซรกอยู่ตามเส้นในช่วงแรกนั้นก็มีสื่ออยู๋หลายสื่อได้รายงานว่าเป็นฝีมืดของคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะสร้างความปั่นป่วนเหล่านี้แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครที่จะพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือว่ามันเป็นสิ่งที่มนุษย์นั้นได้สร้างขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

เรื่องราวเกี่ยวกับปอบ

ในยุคสมัยนี้ไม่เชื่อว่าคนเรายังมีความหลงเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผีปอบหิวมากโดยเฉพาะหมู่บ้านในแถบจังหวัดภาคอีสานด้วยแล้วมักจะมีข่าวลือออกมาอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องผีปอบหรือแม้แต่ผีกระหังหรือเกี่ยวกับเรื่องของผีแม่ม่ายที่เรามักจะเห็นว่าชาวบ้านมักจะนำเสื้อสีแดงมาแขวนไว้หน้าบ้านเธอไม่ต้องการให้ผีแม่ม่ายมาเอาชีวิตคนในบ้านซึ่งภายในเป็นสมัยอดีตยังพอเชื่อได้ว่านั่นคือความเชื่อเนื่องจากว่าคนไม่ค่อยมีความรู้มากนักแต่ในสมัยนี้ในปีพุทธศักราช 2563

ในปีที่มนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วหลายครั้งในปีที่อะไรๆก็ใช้อินเตอร์เน็ตในการสื่อสารกันทั่วโลกกับพบว่ากลุ่มคนในแถบภาคอีสานก็ยังคงมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของผีปอบผีกระหังอยู่เหมือนเดิมซึ่งบางครั้งความเชื่อเหล่านั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ถูกใส่ความว่าเป็นผีปอบได้เช่นเดียวกันโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดชัยภูมิเมื่อมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้มีการแชร์ภาพเกี่ยวกับคลิปที่ถ่ายเห็นลูกไฟมีลักษณะของสีแดงสีเขียวลอยอยู่บนท้องฟ้า

และกระพริบไปมาซึ่งหลายคนบอกว่านั่นคือรูปไฟของผีปอบผีกระหังโดยเมื่อทางนักข่าวได้ไปลงสัมภาษณ์กับชาวบ้านที่เห็นรูปไฟดังกล่าวก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกไฟดังกล่าวนั้นมักจะวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านแถวบริเวณป่าท้ายหมู่บ้านซึ่งชาวบ้านทุกคนเชื่อกันว่านั่นคือลูกไฟของผีปอบเนื่องจากว่าก่อนหน้านี้มีชายชราคนหนึ่งชื่อว่าตายงเคยไปเรียนคุณไสยแล้วผิดผีทำให้ตนเองกลายเป็นผีกระหัง

โดยชาวบ้านคนหนึ่งได้กล่าวว่าในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นเคยแปลงร่างกลายเป็นหมาดำไปแอบกินไก่ชาวบ้านทำให้ชาวบ้านใช้หนังสติ๊กยิงไปที่หัวหมาดำตัวดังกล่าวหลังจากนั้นรุ่งเช้ามาชาวบ้านก็เห็นว่าที่หัวของตายงนั้นมีลักษณะปูดเหมือนคล้ายกับโดนอะไรกระแทกที่หัวชาวบ้านจึงปักใจเชื่อกันว่าตายงเป็นคนที่แปลงร่างเป็นหมาดำแล้ว

โดนหนังสติ๊กของชาวบ้านนั่นเอง แม้ตายเสียชีวิตมาแล้วนับ 10 ปีแต่การสืบทอดอำนาจของผีกระหังก็ยังคงมีอยู่โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเมียของตายงเป็นคนรับทอดอำนาจของผีกระหังกลายมาเป็นผีปอบซึ่งภรรยาของตายยงนั้นชื่อว่านางชบาโดยชาวบ้านบอกว่าไม่มีใครที่จะกล้าไปยุ่งกับนางชบา

เพราะว่ากลัวเพราะรู้กันดีว่านางชบานั้นเป็นผีปอบ และเมื่อนักข่าวลงไปสัมภาษณ์นางชบาที่ท้ายหมู่บ้านก็ให้ข้อมูลว่าถึงแม้ชาวบ้านจะรังเกียจและไม่มีใครพูดคุยด้วยแต่ตัวเองนั้นไม่ได้เสียใจอะไรเพราะรู้ตัวเองดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นผีปอบเหมือนอย่างที่ชาวบ้านลือกันส่วนตัวแล้วเธอก็ทำงานอยู่บ้านทำมาหากินเองเพราะสามีก็ตายไปนานแล้ว

ส่วนลูกสาวคนนึงก็เสียชีวิตและอีก 2 คนก็ทำงานอยู่กรุงเทพฯเธอเชื่อว่าสาเหตุที่ชาวบ้านคิดว่าเธอเป็นผีปอบนั้นอาจจะเป็นมาจากลูกสาวคนที่เสียชีวิตในตอนนั้นเป็นคนขี้เหล้าเมายาและพอไม่ให้เงินไปซื้อเหล้าลูกสาวคนนั้นก็จะด่าเธอว่านางผีปอบจึงทำให้ชาวบ้านน่าจะเชื่อคำพูดของลูกสาวที่เป็นคนขี้เหล้าคนนั้นและทำให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งเกี่ยวกับนางชบานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  v9bet

รด.สยองขวัญที่จังหวัดศรีสะเกษ

เรื่องเล่าใน ค่าย รด. สยองขวัญจังหวัดศรีสะเกษหลังจากที่ได้ขึ้นเรือนนอนด้วยความโหวกเหวกโวยวายกันกว่าจะนอนก็เลยถูกครูฝึกเรียนลงมาจากอาคารทั้งหมดในสภาพชุดครึ่งท่อนกางเกง รด. กับเสื้อตัวในทั้งกลิ้งทั้งคานทั้งตีลังกาเล่นเอาสะเพลียกันไปยกใหญ่เลยหลังจากที่ได้ขึ้นนอนก็จะมีคนเฝ้าเวรในแต่ละจุดแล้วก็มีการเปลี่ยนเวรกันไปเรื่อยๆในแต่ละผัด

ซึ่งจะมีคนมาเปลี่ยนเวรในแต่ละผัดแล้วก็จะต้องรายงานเวรต้องผู้ตรวจด้วยผมวิชาทหารเป็นเวรโรงนอนผัดที่สองตั้งแต่เวลา19.00นาฬิกาถึง21.00นาฬิกาในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เหตุการปกติดีคับด้วยความเพลียผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้มารู้ตัวอีกทีก็เดินออกมาจากที่ห้องคนเดียวแล้วเดินไปหน้าห้องหยิบเอารองเท้าทั้งสองข้างเดินไปตามทางเดินอาคารชั้นสามแล้วก็เดินสวนกับเพื่อที่พึ่งผัดเวรไปเข้านอน

นอกจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนถามว่าไปไหนแต่ว่าผมไม่สามารถตอบได้แล้วก็ยังเดินต่อไปพอสุดทางเดินก็เดินกลับมาวางรองเท้าเอาไว้ที่หน้าห้องแล้วก็กลับไปนอนที่เดิมตอนเช้าเพื่อนก็ถามว่าเมื่อคืนไปไหนถามอะไรก็ไม่ตอบไม่รู้แต่ก็ได้ยินอยู่ว่าถามอะไรมันเหมือนรู้สึกตัวแต่ว่ามันตอบไม่ได้ผมตอบเพื่อนไปแบบงงเหมือนกันแล้วหลังจากคืนนั้นก็ไม่มีอะไร

จากนั้นมันก็ทำให้เราได้เรียนรู้แล้วว่าการเข้ามาค่ายมันทำให้เราได้รู้จักเพื่อนเก่าของพวกเรามากขึ้นแล้วก็ได้เพื่อนใหม่ต่างโรงเรียนเพิ่มขึ้นเช่นกัน

โดยเฉพาะเพื่อนที่อยู่โรงเรียนนี้ที่เป็นเจ้าบ้านและด้วยความที่ว่าเป็นเจ้าบ้านก็เลยมีประวัติของโรงเรียนมาเล่าให้ฟังอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆในโรงเรียนเช่นผู้หญิงชุดไทยที่สนามเปตองห้องดนตรีที่บางวันจะได้ยินเสียงดนตรีเล่นเองบ่อน้ำข้างโรงเรียนที่มีเด็กตกน้ำตายทุกๆปีเป็นต้น

ซึ่งเรื่องเล่าพวกนี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านเจ้าบ้านที่ชื่ออะไรไม่รู้เราจำไม่ได้แต่จำลักษณะได้ว่าเป็นคนตัวสูงตัวผอมแต่หัวใหญ่หน่อยพวกเราเลยเรียกเขาว่าหัวโตซึ่งนั่นแหละมันคือชื่อที่ผมจำได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ทุกครั้งของการเข้าห้องน้ำห้องส้วมครูฝึกมักจะบอกเอาไว้เสมอว่าให้ไปเป็นคู่ห้ามไปคนเดียวโดยเด็ดขาดเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้มีคนรู้

ซึ่งมันได้เหมือนกับเหตุการณ์นี้เดี่ยวได้เกิดปวดท้องขึ้นมาในเวลาตีสี่ก็เลยเรียกคู่อย่างบอลที่กำลังหลับสบายอยู๋ลงไปเข้าห้องน้ำด้วยกันในขณะที่ลากลงไปบอลก็ยังไปแบบหลับๆตื่นๆพอถึงห้องน้ำเดี่ยวก็รีบเข้าห้องน้ำเลยจากนั้นก็มีเสียงมาหอนมาเรื่อยเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนผ่านพวกมันเดี่ยวก็เลยวิ่งออกมาก็ไม่เจอบอลแล้วก็เลยวิ่งไปนอน

 

สนับสนุนโดย  เปิดบัญชีคาสิโนขั้นต่ำ100

เรื่องราวของผีกระสือ

ซึ่งเราได้เกิดความสงสัยว่าตามหลักความเชื่อของชาวบ้านเกี่ยวกับกระสือมันเป็นพวกผีในรูปแบบลักษณะไหนกันแน่ปรากฏว่าเราก็ได้ข้อมูลในส่วนนี้มานั่นก็คือ 

โดยส่วนใหญ่แล้วเขาเชื่อกันว่ากระสือมันคือภูตผีวิญญาณชนิดหนึ่งที่ได้มีวิบากกรรมที่หนักมากเพราะในช่วงที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ชอบโกงคนอื่นมีความอยากได้ทรัพย์ของคนอื่นมาเป็นของตัวเองคนเหล่านี้

เมื่อได้เสียชีวิตไปแล้วเขาก็จะมีความชอบกันว่าคนเหล่านั้นก็จะต้องไปชดใช้กรรมในรูปแบบของการไปเกิดเป็นเปรตก่อนในช่วงแรกและหลังจากที่ได้ชดใช้กรรมไปได้ช่วงหนึ่งแล้วถ้าหากหมดเวรหมดกรรมก็จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์แต่ถ้ายังไม่หมดเวรหมดกรรมคนเหล่านั้นก็จะต้องไปชดใช้กรรมต่อในรูปแบบของผีกระสือที่จะต้องมากินของเน่าของเสียนั่นเอง

ซึ่งตรงจุดนี้มันก็ยังได้มีอีกความเชื่อหนึ่งที่เกี่ยวกับกระสือนั่นก็คือจริงๆแล้วกระสือมันคือวิชามนต์ดําของขลังชนิดหนึ่งที่ว่ากันว่าบางคนได้ใช้วิชามนต์ดำของขลังจนมากเกินไปแล้วได้ทำให้วิชาเหล่านั้นได้กลับย้อนเข้ามาหาตัวเองจนทำให้ตัวเองนั้นได้เป็นปีกระสือในที่สุดนั่นเอง

โดยในข้อมูลตรงนี้มันค่อนข้างที่จะน่าสนใจมากเพราะจากที่เราได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของความเชื่อเรื่องพวกมนต์ไสยมนต์ดำมาปรากฏว่ามันได้มีวิชาของผีกระสืออยู่จริงๆด้วยและตรงนี้มันก็ได้มีประวัติค้นพบเจอที่กี่ยวกับผีกระสืออยู่เยอะมากมาย

นอกจากนี้จากหลักฐานที่เราได้ทำการรวบรวมมาหลักๆมันจะมีอยู่สองหลักฐานด้วยกันนั่นก็คือเรื่องของหลักฐานในรูปแบบของการบอกเล่ากับหลักฐานได้รูปแบบของภาพหรือวีดีโอนั่นเอง

โดยตรงจุดนี้เราขอแยกเป็นสองอย่างก่อนถ้าหากว่ามันเป็นหลักฐานในรูปแบบของเรื่องเล่าจะสามารถหาอ่านหรือสอบถามกับคนที่อยู่ต่างจังหวัดได้แล้วเราก็ได้ไปหาอ่านจากคนที่เราได้แชร์ประสบการณ์ว่าแต่ละคนนั้นได้ไปเจอในรูปแบบไหนมาบ้างฃ

ปรากฏว่าคนส่วนใหญ่จะเจอมาในรูปแบบลักษณะคล้ายและใกล้เคียงกันหมดเลยในตอนแรกเราได้คิดในใจว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ได้ทำการแต่งขึ้นมาก็เป็นได้แต่เราได้นึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนเราที่เคยอยู่ต่างจังหวัดและเคยเป็นคนที่เจอผีกระสือมาก่อน

จากนั้นเราก็เลยไปสอบถามกับเพื่อนคนนี้ว่าจริงๆแล้วเขานั้นได้ไปพบเจอผีกระสือมาจริงๆหรือไม่เพื่อนเราคนนี้เขาได้ยืนยันกับตัวเองเลยว่าเขาได้เจอผีกระสือมาจริงๆ

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรีได้เงินจริง

ตำนานตั๋งโต๊ะกับลิโป้

สำหรับ ลิโป้ ตอนเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่โด่งเด่นเป็นอย่างยิ่งเลยก็ตอนที่ ลิโป้ นั้นได้เข้ามาทำงานกับ เต๊งหงวน ที่เป็นเจ้าเมืองของ เต็งจิ๋ว คือต้องบอกแบบนี้ว่า เต๊งหงวน รัก ลิโป้ มากแล้วก็เป็นพ่อบุญธรรมของ ลิโป้ด้วยแต่ว่าเมืองที่ เต๊งหงวน อยู่ชื่อเมืองเต็งจิ๋งเป็นเมืองเล็กๆไม่ใหญ่มากแล้วก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมาย

ซึ่งก็ทำให้ ลิโป้ ที่เป็นลูกน้องแล้วก็ลูกบุญธรรมของเจ้าเมืองก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมากนักแต่ว่าชื่อเสียงของ ลิโป้ เป็นที่รู้จักกันมากก็ตอนที่ ลิโป้ นั้นทำหน้าที่พิทักษ์รักษา เต็งหงวน จากการที่ ตั๋งโต๊ะ จะพยายามเข้าไปทำร้าย เต็งหงวน คราวเมื่อ เต๊งหงวนได้ไปขัดขวางในการกระทำครั้งใหญ่ของ ตั๋งโต๊ะ ที่จะทำการปลด จักรพรรดิ ฮั่นเซ่าตี้ ออกจากการเป็นฮ่องเต้

นอกจากนี้ ตั๋งโต๊ะ ก็ได้มีความประสงค์ที่จะตั้ง ตันลิวอ๋อง หองจูเหียบ ที่เป็นพระอนุชาของอค์จักรพรรดิฮั่นเซ่าตี้ให้ได้ขึ้นมาครองราชย์แทนและด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการประกาศศักดาให้มองเห็นว่าใครเป็นคนที่ใหญ่จริงใครเป็นคนที่มีอำนาจถึงขนาดที่เรียกได้ว่าปลดฮ่องเต้เลยก็ว่าได้

แต่อย่างไรก็ตามหลังจาก ตั๋งโต๊ะ ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินก็มองเห็นว่าในการประสงค์ที่จะตั้งฮ่องเต้ด้วยตนเองมีเพียง ลิโป้ ที่เป็นลูกบุญธรรมของเต๊งงวนเท่านั้นที่จะเป็นคนที่ขัดขวางตัวเองจากเป้าหมายที่ตัวเองได้วางเอาไว้ได้

ดังนั้น ตั๋งโต๊ะ จึงได้ทำการวางแผนกับบรรดาที่ปรึกษาแล้วก็ทหารฝ่ายของตัวเองว่าจะทำยังไงดีที่จะกำจัดลิโป้ให้พ้นทางให้จงได้เพราะว่าลิโป้แข็งแกร่งมากจริงๆแล้วถือได้ว่าเป็นเครื่องกีดขวางสำคัญต่อการก้าวต่อไปในชีวิตของ ตั๋งโต๊ะในการเจริญก้าวหน้าแล้วก็ในชีวิตการทำงาน

เนื่องจากนี้ตั๋งโต๊ะก็ได้ทำการส่ง ลิซก ที่เป็นคนบ้านเดียวกันกับ ลิโป้ ให้เข้าไปทำการเจรจา ลิโป้ รวมถึงมีการติดสินบน ลิโป้ และ ม้าเซ็กเธาว์ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสินบนที่ ตั๋งโต๊ะ ได้ฝากให้ ลิซก ไปเจรจาด้วย

นอกจากนี้การที่ ลิซก ไปเจรจาเพื่อที่จะให้ ลิโป้ นั้นย้ายพวกย้ายข้างก็ถือว่าเป็นการสกัดไม่ให้ ลิโป้ นั้นเข้ามาช่วยเหลือ เต๊งหงวน อีกต่างหากแล้วแถม ลิโป้ จะย้ายข้างก็เพิ่มความแข็งแกร่งทำให้งานของ ตั๋งโต๊ะ มีความง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

สิ่งที่กุนซืออย่าง ลิยู รวมถึงทหารอย่าง ลิซก ได้ให้คำปรึกษาก็เรียกได้ว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวแล้วก็ได้นกถึงสองตัวกันเลยทีเดียว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  betbb

ตำนานคำสาปแช่ง แห่งเมืองหนองหารจังหวัดอุดรธานี 

          มีเรื่องราวเล่าต่อกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษว่าแต่เดิมทีนั้นเมืองหนองหานนั้นได้ถูกคำสาปแช่งจากผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขานั้นถูกทำร้ายต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมดังนั้นก่อนที่เขาจะตายเขาจึงได้สาปแช่งคนในเมืองหนองหานเพื่อหวังจะคลายความโกรธแค้นให้กับตนเองโดยตำนานการสาปแช่งของเมืองหนองหานนี้มีการเล่าถึงชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งโดยเขามีชื่อว่าเชียงงามเขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีที่สุด

และไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้เห็นหน้าตาของเชียงงานต่างก็พากันตกหลุมรัก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหญิงโสดหรือหญิงหม้ายหรือแม้แต่หญิงที่แต่งงานแล้วก็พากันมาเอาอกเอาใจชายหนุ่มคนนี้กันเป็นอย่างมากซึ่งหลังจากที่เขาเริ่มโตเป็นหนุ่มพ่อของเชียงงามก็ได้มีการส่งเชียงามให้ไปทำการบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นวัดที่อยู่แถบทางชานเมืองอย่างไรก็ตามเมื่อหญิงสาวทั้งหลายต่างรู้ว่า เชียงงามไปบวชเป็นสามเณรต่างก็พากันเดินทางไปถวายอาหารให้กับสามเณรเชียงงามกันทุกวันจนถึงวัยที่เชียงงาม

มันก็จะไปนั้นจะต้องบวชเป็นพระ พ่อของเชียงงามนั้นให้เชียงงามสึกออกมาอยู่ที่บ้านเป็นการชั่วคราวก่อนเมื่อหญิงสาวทั้งหลายรูเข้าต่างก็พากันมาที่บ้านของเชียงงามและนำเข้าของมาให้เชียงงามกันทุกวัน ทำให้สามีของผู้หญิงเหล่านั้นเกิดอาการไม่พอใจที่ภรรยาของตนนั้นมันหลงชายหนุ่มรูปงามจึงได้พากันไปร้องเรียนกับท่านเจ้าเมืองหนองหาน

ซึ่งท่านเจ้าเมืองเองก็ได้สั่งให้ทหารนั้นมาจับกุมตัวเชียงงามและเมื่อไปถึงท่านเจ้าเมืองก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องให้ดีว่าเรื่องราวนั้นเป็นมาอย่างไรโดยเจ้าเมืองหนองหานนั้นได้ตัดสินใจสั่งให้ทหารนั้นประหารชีวิตของเชียงงามแล้วนำหัวของใช้งานนั้นไปเสียบประจานที่หน้าเมืองโดยมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะความรูปหล่อของเชียงงามเอง

โดยเชียงามนั้นมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่ความผิดของตนเองเขาจึงได้อาฆาตแค้นและเขาได้สาปแช่งเจ้าเมืองหนองหานก่อนที่เขาจะตายว่า ก็ขอให้คนในเมืองน้องทานนั้นไม่มีความอยู่เย็นเป็นสุขบ้านเมืองเจอแต่เรื่องทุกข์ยากเพราะเขาตายทั้งที่เขานั้นบริสุทธิ์โดยยังบอกอีกว่าหากว่ามีโอกาสเจริญรุ่งเรืองเมื่อไหร่ก็ขอให้เจริญแค่เพียงแป๊บเดียวแล้วก็กลับมาตกต่ำอีกครั้งหนึ่งซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคำสาปแช่งของชายหนุ่มก็ส่งผลให้เมืองหนองหารนั้นเป็นเมืองที่ความเจริญยังไม่เข้าถึงตราบจนทุกวันนี้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์