เดือน: สิงหาคม 2020

Caravaggio

มีจิตรกรผู้โด่งดังคนหนึ่งในช่วงปี 1952 โดยชื่อของเขานั้นก็คือ Caravaggio เขานั้นได้มีการเดินทางมายังกรุงโรมประเทศอิตาลี เพื่อเข้ามาสู่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา และชีวิตใหม่ที่คาดหวังของเขานั้นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังและราบรื่นสักเท่าไหร่นักโดยในช่วงชีวิตของเขานั้นก็ได้มีการเผชิญกับโรคเจ็บป่วยเพราะระหว่างการเดินทางนั่นเองเขาได้ประสบกับอาการป่วยอย่างหนักและทำให้เขาต้องหยุดเดินทางเพื่อรักษาตัว

และอาศัยอยู่ที่ซานตามาเรีย เป็นระยะเวลานานถึง6เดือนเลยทีเดียว และหลังจากที่เขานั้นมีการพักรักษาตัวเขาก็ได้มีการสร้างสรรค์ผลงานและทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นกับผลงานภาพเหมือนอย่าง Sick Bacchus ซึ่งเป็นภาพวาดที่เหมือนกับตัวของเขานั้นเอง

โดยภาพวาดนั้นที่เขาได้มีการสร้างสรรค์โดยการวาดและสีผิวที่เขาได้วาดนั้นจะเป็นสีผิวที่แทบจะออกเป็นสีเหลืองและจากสีผิวนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอาการป่วยของโรคที่เขานั้นเป็นอยู่นั่นก็คือโรคดิซาน ที่ทำให้เขานั้นทรมานและต้องหยุดพักเพื่อรักษาตัวนั่นเอง

โดย Bacchus นั้นเป็นชื่อของสิ่งที่เป็นตำนานของชาวโรมัน โดย Bacchus นั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งไวน์ส่วนอาการเจ็บป่วยที่อาจจะเป็นโรคดิซานนั้นหรือพิษสุราเรื้อรังนั้น Caravaggio เลยได้มีการใช้ตัวเองนั้นเป็นแบบอาการป่วยและสภาพร่างกายที่เขานั้นกำลังเผชิญอยู่แบบนี้นี่แหละที่เหมาะสมและให้ความสมจริงกับการเป็นเทพเจ้าผู้ติดเหล้าจนมีอาการดังกล่าวเช่นเขาเหล่านี้ และก็ถือว่าการสร้างสรรค์ผลงานนี้ขึ้นมานั้นแสดงและสื่อถึงความภักดีอีกรูปแบบหนึ่งที่ศิลปินสักคนจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เกี่ยวกับเทพเจ้าที่เขานั้นได้เคารพนับถือได้ออกมาอย่างสวยงาม

ไม่มีสิ่งที่บอกชัดเจนว่า Caravaggio นั้นสามารถวาดภาพนี้ออกมาในขณะที่เขากำลังป่วยจนเสร็จออกมาสวยงามและสมบูรณ์ได้อย่างไร ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก เพราะในขณะที่เขานั้นป่วยเขาก็ยังคงรักและมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองออกมาให้ผู้คนได้ชมอย่างดีที่สุดด้วย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า Caravaggio จะได้ลาลับจากโรคไปแล้วแต่สิ่งที่ยังหลงเหลือและเป็นสิ่งที่เขานั้นได้ถ่ายทอดเอาไว้ก็คือผลงานอันสวยงามและแผงไปด้ยความหมายที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู

และไม่เพียงผลงานที่ได้รับความนิยมและโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Sick Bacchus เพียงเท่านั้น เขายังได้สร้างผลงานที่น่าสนใจและก็เป็นผลงานที่ถือว่าได้รับความนิยมมากเช่นกันอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์ศิลปะด้วยสีน้ำมันบนผ้าใบที่มีความสวยงามและเป็นสิ่งที่ถือว่าแปลกใหม่อย่างมาก ทำให้ Caravaggio นั้นยังคงเป็นชื่อมีการกล่าวขานอยู่เสมอในแวดวงศิลปะและยงควมีการจัดนิทรรศการเพื่อระลึกถึง Caravaggio อยู่เสมอด้วย

 

สนับสนุนโดย    aesexy

ประวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม

เผยชีวิตจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตั้งแต่เกิด จอมพลเรือ จอมพลอากาศ แปลก พิบูลสงครามผู้ที่ได้มีชีวิตอยู่ในระหว่างวันที่14กรกฎาคม พ.ศ.2440 ถึง วันที่11มิถุนายน พ.ศ.2507 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีไทยที่ดำรงแหน่งนานที่สุดคือ 15ปี24วัน รวม8สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายที่สำคัญคือการมุ่งพัฒนาประเทศไทยให้มีความเจริญรุ่งเรืองเท่าเทียมกับนานาอรัญประเทศได้มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลายอย่าง

ซึ่งในบางอย่างได้ประกาศให้เป็นกฎหมายในภายหลังหลายอย่างกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติเช่นการรำวงก๋วยเตี๋ยวผัดไทเป็นผู้เปลี่ยนชื่อประเทศสยามเป็นประเทศไทยและได้เป็นผู้เปลี่ยนเพลงชาติไทยมาเป็นเพลงที่เรานั้นได้ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังได้มีคำขวัญที่เรานั้นได้รู้จักกันเป็นอย่างดีของนายกรัฐมนตรีผู้นี้คือเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยหรือท่านผู้นำไปไหนฉันไปด้วยและไทยอยู่คู่ฟ้าในสายตานักวิชาการประวัติศาสตร์การเมืองไทยส่วนหนึ่งได้เห็นว่า

จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นเผด็จการทางทหารที่ได้มีบทบาททางการเมืองสูงและให้ความสนใจกับความคิดที่ส่องไปในเชื้อชาตินิยม

ซึ่ง จอมพล  ป. พิบูลสงคราม ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่21มิถุนายน พ.ศ.2507 ในเวลาประมาณ20.30นาทีที่บ้านพักส่วนตัวชาญกรุงโตเกียวอายุได้เพียง67ปี 

ในวัยเด็ก จอมพล  ป. พิบูลสงคราม แปลกขีตสังคะ สำหรับชื่อจริงคำว่า แปลกนั้นเป็นเพราะว่าช่วงที่ได้เกิดมาครั้งแรกนั้นบิดาได้มองเห็นว่าหูของเขานั้นได้อยู่ต่ำไปกว่าตาของเขาทั้งสองข้างมันผิดไปจากบุคคลธรรมดาจากนั้นบิดาเขาก็เลยได้ตั้งชื่อให้ว่าแปลก แปลกขีตสังคะ ได้เกิดวันที่14กรกกฎาคม พ.ศ.2440 บิดาของเขานั้นชื่อนายขีดและมารดาของเขาชื่อนางสำอางในนามสกุลขีตสังคะ บ้านเกิดของเขาได้เป็นบ้านหลังใหญ่ขนาดสองชั้นที่ปากคลองบางเขนเก่าอยู่ตรงข้ามกับวัดปากน้ำไม่ห่างไปจากศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและวัดเขมาภิรตารามอำเภอเมืองจังหวัดนนทบุรี

สำหรับอาชีพภายในครองครัวนั้นได้ทำอาชีพเกษตรกรรมปลูกสวนทุเรียนและผลไม้โดยเด็กชายแปลกขีดตะสังคะเขาได้เป็นบุตรคนที่สองทั้งหมดในพี่น้องทั้ง5คนและพี่ชายคนโตของเขานั้นมีชื่อว่านายประเกิคได้รับราชการทางทหารได้ยศพลตรีคนที่สามได้ชื่อเตีนคนที่สี่เป็นชายมีชื่อว่าปรุงและคนสุดท้ายแล้วชื่อนายคันชิตเข้ารับราชการทางทหารได้ยศพลตรี

นอกจากนี้ดานการศึกษาและการเข้าสู่อาชีพของทหารเด็กชายแปลกนั้นได้เข้าระบบการศึกษาครั้งแรกที่วัดวัดเขมาภิรตารามจังหวัดนนทบุรี เมื่อพ.ศ.2452

เหตุการณ์กบฏ ร.ศ.130

เมื่อวิถีที่เคยดำรงอยู่นับพันปีก็เริ่มสั่นคลอนความหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นในหมู่ชนชั้นสูงของสยามโดยทั่วไปความขัดแย้งเหล่านี้เขมรเกลียวขึ้นทุกขณะก่อนถึงเช้าวันที่24มิถุนายน 2475 วันที่ดุลอำนาจในสังคมสยามพลิกผันอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน 

บริเวณหน้าวัดพนมยงค์แห่งนี้เมื่อราว100ปีก่อนเคยเป็นที่จอดเรือนแพของ นายเสียง พนมยงค์ บุตรคหบดีผู้รักชีวิตอิสระและการเผชิญโชคพร้อมทั้งนางลูกจันทร์ภรรยาทั้งสองได้ให้กำเนิดบุตรธิดารวม6คนหนึ่งในนั้นก็คือเด็กชาย ปรีดี 

ซึ่งเริ่มมาสนใจความเป็นมาของบ้านเมืองตั้งแต่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมครูในโรงเรียนที่สอนอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ท่านมักจะเล่าให้ท่านผู้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีนสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเป็นชุมชนที่มีลักษณะพิเศษก็ได้เพราะว่าแม้กระทั่งงิ้วที่วัดพนัญเชิงก็ยังได้เอาเรื่องของกบฏเอามาเล่นกันครูมักจะเล่าเรื่องนี้โยมกับเหตุการณ์ของโลกว่าบ้านเมืองทั่วโลกเวลานี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือระบอบที่เคยมีผู้ปกครองเพียงคนเดียวเป็นระบอบประชาธิปไตย

เหตุการณ์กบฏ ร.ศ.130ได้เกิดขึ้นเมื่อ นายปรีดี มีอยู่เพียง12ปีแม้ความพยายามเปลี่ยนแปลงสยามสู่ประชาธิปไตยในครั้งนั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตและอิสรภาพของกลุ่มแกนนำแต่สิ่งที่ได้เกิดขึ้นทดแทนคือนออนของประชาธิปไตยที่ค่อยๆเติบโตขึ้นทั่วผืนแผ่นดินรวมทั้งเรือนแพในริมน้ำหน้าวัดพนมยงค์แห่งนี้

นิสัยรักการผจญภัยทำให้นายเสียงไปบุกเบิกพื้นที่ทำกินผืนใหม่ ในเขตอำเภอวังน้อย จังหวัดสระบุรี ในปัจจุบันกระทั่งท้องทุ่ง

ซึ่งเต็มไปด้วยโขลงช้างป่าได้ตายลงไปเป็นเบ้าหลอมของความคิดของเด็กชายปรีดีอย่างสำคัญยิ่งในระยะต่อมาพื้นที่แห่งนี้อดีตเคยเป็นเรือนไม้ของครองครัวพนมยงค์รอบล้อมด้วยผืนนา200ไร่ที่ได้จากการบุกเบิกขับไล่โขลงช้างป่าคุณยายน้องได้เล่าให้ฟังว่านายปรีดีได้ความคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองมาจากประเทศฝรั่งเศสคุณยายบอกแก่ไม่เชื่อเพราะว่าจริงๆแล้วพี่ชายของท่านมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านใหม่ตอนที่ได้เข้ามาอยู่ในท้องนาที่นี่

ท่านก็มักจะคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่คุยเรื่องปัญหาบ้านเมืองปัญหาอะไรต่างๆบอกว่าได้หายไปในท้องไร่ท้องนาทั้งวันจากนั้นพ่อของนายปรีดีก็ได้ใช้งานยอย่างหนักถามว่าเหนื่อยไหมเหนื่อยและยังอยากจะเรียนอยู่อีกหรือไม่เรียนและจะไปเรียนอะไร

ซึ่งเขาได้บอกว่าอยากเรียนกฎหมายหลังจากนั้นนายปรีดีก็ได้เข้าเรียนศึกษากฎหมายโรงเรียนกรวงธรรมการเมื่ออายุได้17ปีและสอบไล่วิชากฎหมายขั้นเนติบัณฑิตย์ได้ในอีก2ปีต่อมาก่อนได้ขัดเลือกจากกระทรวงยุติธรรม

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้าdewabet

ยุคสยามใหม่ทำไมต้องเก็บเงินรัชชูปการในรัชสมัยรัชกาลที่6

เมื่อปี พ.ศ.2472ประชากรสยามมีประมาณ11ล้านคนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ไม่ใช่เล็กๆแล้วแต่การใช้สิทธิหรือ การมีปากเสียงเพียงอย่างเดียวของราษฎรก็คือการถวายฎีกาให้พระเจ้าอยู่หัวเราเป็นชาวนา เรามีความเดือดร้อนในเรื่องภาษีอากรหรือว่าที่ดินทำกินเราสามารถฎีกากับพระมหากษัตริย์ได้โดยตรงและจะมีข้าราชการตรวจสอบเรียกว่ากรรมการศาลฎีกาคอยคัดแยกฎีกาให้เข้ากับความเดือดร้อนตามหมวดหมู่ถ้าไม่เข้าหมวดหมู่ฎีกาของเราก็อาจจะไปไม่ถึงไหน

ส่วนคนที่เขียนก็จะต้องเขียนให้มันถูกต้องตามราชการกำหนดต้องรู้ตัวเองว่าเรืองจองตนเป็นเรื่องที่เดือดร้อนจริงๆถึงจะต้องแจ้งใครแจ้งแล้วราชการบอกว่าเป็นความเท็จคนแจ้งก็จะมีโทษไปอีกแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังเขียนอ่านไม่ได้ต้องพึ่งคนที่เรียกว่าพวกหัวหมอ

ซึ่งเป็นทนายแบบจารีต หมายถึงในยุคที่ยังไม่มีมหาวิทยาลัยคนที่มีความรู้เขียนหนังสือได้ในบางคนมารับจ้างทำงานคล้ายทนายนั่นเองหรือจะต้องพึ่งพาพวกผู้ใหญ่และหัวหน้าชาวนาเพื่อเขียนฎีกาขึ้นมา

ซึ่งมันไม่มีอะไรรับประกันว่าปัญหานั้นจะได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจประกอบกับในยุคนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าราชการหน่วยงานไหนทำนโยบายพัฒนาการเกษตรยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าธนาคารเพื่อการเกษตรที่คอยให้เกษตรกรกู้เงินเพื่อการประกอบอาชีพแบบในปัจจุบันแต่กลับมีภาษีอากรจำนวนมากและทับซ้อนกันเอง เช่น มีอากรค่านาข้าว อากรนาเกลือ มีอากรสมพัตสร เป็นภาษีต้นไม้ที่ให้ผลผลิตและถึงจะเป็นช่วงที่เลิกทาสมานานแล้วมีการยกเลิกค่าส่วยแต่ในยุคสยามใหม่นี้

ได้มีการเก็บเงินค่าที่เรียกว่า เงินรัชชูปการตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่6เป็นเงินอากรแบบหนึ่งที่ต้องจ่ายเกือบทุกคนยกเว้นอาชีพทางศาสนาทหาร ตำรวจ กำนัน ผุ้ใหญ่บ้าน และ คนที่ “ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า” ให้ไม่ต้องเก็บ

โดยเขียนกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าชายฉกรรจ์อายุ18-60ปีต้องจ่ายเงินถวายหลวง6บาทต่อปีคล้ายกับส่วยที่ต้องจ่ายถ้าไม่มาเกณฑ์เป็นทหารหรือเป็นแรงงาน

ซึ่งมันก็คือส่วยเหมือนสมัยก่อนนี่เองและด้วยความที่เป็นกฎหมายในสมัยก่อนก็ไม่มีการเขียนขยายความว่าชายฉกรรจ์ที่ว่าหมายถึงผู้ชายทุกคนหรือเปล่าปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่ในฐานที่เข้าใจกันเองและไม่ว่าจะสมัยไหนชาวนาก็จะมี3แบบด้วยกันก็คือ หนึ่ง ชาวนาที่มีนาเป็นของตัวเอง สอง ชาวนาที่เช่านาเขาทำซึ่งได้มีจำนวนมากกว่าแบบแรก และ แบบที่สามก็คือ คนที่เช่านาไม่ไหวอาจจะเพราะนาล่มหรือขาดทุนมากเกินไปก็คือชาวนาที่ไม่มีอะไรเลยพอไม่มีเงินจะเสียภาษีสิ่งที่รัฐสยามจัดการกับคนที่ไม่มีเงินจ่ายภาษีก็คือยึดที่ดินขายทอดตลาด

ถ้าไม่มีจริงๆก็จะจับไปทำงานโยธาและคิดค่าแรงแทนจำนวนเงินภาษีที่ไม่ได้จ่าย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  dewabet

การถ่ายทอดความจริงผ่านศิลปะ2

ศิลปะเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นสิ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินศิลปะนั้นมีกลาหลายประเภทและศิลปะที่ได้รับความนิยมประเภทหนึ่งก็คือศิลปะที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวจากความเป็นจริงหรือสิ่งที่ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานได้เคยพบหรือเห็นสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาแล้วและมีการนำมาถ่ายทอดผ่านมุมมองของศิลปินคนนั้นๆ

ศิลปะประเภทนี้ถือว่าเป็นศิลปะที่ได้รับความนิยมเช่นกัน เพราะเป็นการสร้างสรรค์ที่เป็นเหมือนการบันทึกเรื่องราวว่าเหตุการณ์เหล่านี้นั้นเคยเกิดขึ้นและเกิดในลักษณะอย่างที่ศิลปินได้มีการวร้างสรรค์ขึ้นมา แต่ในบางครั้งก็อาจจะมีการบิดเบือนความจริงไปบ้างเพื่อเป็นสิ่งที่จะสร้างความแปลกใหม่ให้กับผลงานและเป็นสิ่งที่เป็นความคิดและจินตนาการของศิลปินน้นเองด้วย แต่อย่างไรก็ตามผลงานที่มีการถ่ายทอดจาดความจริงนั้น

ก็ยังคงเป้นสิ่งที่มีการถ่ายทอดออกมาในบรรทัดฐานที่เป็นความจริงหรือเรื่องราวที่เป็นความจริงนั่นเอง

ศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานประเภทนี้นั้นก็มีอยู่ไมน้อยในโลก เพราะเป็นผลงานที่สามารถสร้างสรรค์ให้มีความสวยงามได้และยังเป็นสิ่งที่ใช้เล่าเรื่องราวในอดีตสู่อนาคตได้ด้วยนั่นเอง Daumier เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่มีผลงานที่น่าสนใขโดยเขานั้นจะเน้นผลงานการถ่ายทอดไปในทางการสะท้อนความจรองจากสังคมไม่ว่าจะเป็นการกดขี่ข่มเหงจากคนในสัมคมกลุ่มหนึ่งและอีกกลุ่มหนึ่ง

ผลงานจะมีการสร้างสรรคืในลักษณะที่มีความหยายและมีความเป็นจริงในเรื่องราวที่ได้ถ่ายทอดมากที่สุดและเป็นผลงานที่ไม่ได้มีการเน้นรายละเอียดในความสวยงามมากเท่า เป็นการวาดภาพเพื่อสื่อสารและให้โลกได้รับรู้ว่าครั้งหนึ่งเหตุการรืที่เขาได้วาดนั้นเคยเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ทำให้คนรุ่นหลังสมารถมองภาพออกอย่างง่ายว่าในขณะนั้นเคยเกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง

เพราะภาพวาดที่เขานั้นมีการสร้างสรรค์เป็นภาพวาดที่มองง่ายไม่ได้มีความซับซ้อนในการสร้างสรรคืมากนัก ภาพวาดของเขาที่ได้รับความนิยมและเป็นภาพวาดที่มีการเล่าเรื่องราวก็ได้แก่ Freedom Of The Press เป็นภาพที่แสดงถึงเสรีภาพของหน่วยงานหนึ่งที่มีการออกมาต่อสู่และเรียกร้องเสรีภาพให้กับตนเอง

โดยภาพวาดนั้นก็จะมีการวาดในลักษระเป็นคนหลายๆคนที่อยู่ในภาพ และมีการวางองค์ประกอบภาพได้อย่างสมดุลทำให้มองภาพแล้วสามารถเข้าใจและเห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในขณะนั้น The Third Class เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับชนชั้นในโบกี้รถไฟขบวนหนึ่ง มรการเล่าเรื่องราวผ่านสิ่งที่เคยเห็นและเป็นการจินตนาการและความคิดของความยากจนที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง

โดยในภาพนั้นมีการวาดภาพออกมาอย่างสวยงามและมีความสมจริงในการวาดมากขึ้นถือว่าเป็นผลงานที่ไม่ได้มีความหยาบหรือดิบมาก แต่จะสะท้อนชีวิตที่ยากจนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลงานศิลปะที่น่าในอีกหนึ่งชิ้น เพราะเป็นผลงานที่ทำให้เรานั้นสามารถที่จะดูและเรียนรู้ความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้นได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  alpha88 เครดิตฟรี

เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง

ประเพณีลอยกระทงเกิดมาจากความเชื่อของแต่ละพื้นที่ แต่ละท้องถิ่นด้วยกัน และเป็นการสื่บทอดต่อๆมา โดยมีมาเนิ่นนานตั้งแต่โบราณกาล ในช่วงเวลาที่มีการจัดให้ลอยกระทงนั้น โดยทุกครั้งจะจัดขึ้นในเดือนสิบสองของทุกปี แต่ว่าปฏิทินที่ว่านั้นจะเป็นปฏิทินจันทรคติไทยนะ เพราะถ้าหากนับจากรุ่นปัจจุบันของเราจะตรงกับเดือนสิบเอ็ดนั่นเอง

ในช่วงที่มีการจัดงานลอยกระทงนี้เชื่อกันว่าเป็นช่วงเวลาที่น้ำขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงปลายฝนด้วยละมั้งเลยทำให้น้ำค่อนข้างเยอะอยู่ นอกจากนั้นยังมีช่วงที่เรียกว่าสิบห้าค่ำด้วยนะ ที่เป็นตัวกำหนดให้สามารถลอยกระทงได้ ข้อดีของวันขึ้นสิบห้าค่ำก็คือจะทำให้พระจันทร์เต็มดวง มองไปทางไหนก็สว่างไสว สวยงาม แถมมองไปยังพื้นน้ำที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาลอยกระทง จะเห็นได้ว่าภาพเหล่านั้นสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าประเพณีลอยกระทงจะเป็นการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าประเพณีลอยกระทงนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ แต่ก็มีในประวัติที่มีการบ่งบอกเอาไว้อยู่เหมือนกันนะว่าประเพณีลอยกระทงนี้ในสมัยสุโขทัยก็มีแล้ว ซึ่งในช่วงของพ่อขุนรามคำแหงนั้น ได้เรียกการลอยกระทงเช่นนี้ว่า “พิธีจองเปรียญ” หรือ “การลอยพระประทีป”

นอกจากนั้นยังทำการระบุที่คนรุ่นใหม่อย่างเราเชื่ออย่างแท้จริงว่าเป็นงานลอยกระทง ก็เพราะว่าได้มีการจารึกเกี่ยวกับงานใหญ่มโหราณ ที่มีการเผาเทียนเล่นไฟกัน ด้วยเหตุผลต่างๆนี้แหละที่ทำให้คนรุ่นใหม่อย่างพวกเราเชื่อตลอดมา

แต่ก็ยังมีการพูดถึงอีกนะว่าในช่วงสมัยก่อนหน้านี้ชาวบ้านนิยมเป็นการปล่อยโคมไฟเสียมากกว่า แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ตาม เราเชื่อว่าในการลอยกระทงนั้นก็มุ่งเน้นให้ทุกคนได้มีการสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำคงคาด้วยกันทั้งสิ้น โดยพวกเราทุกคนล้วนใช้น้ำเพื่อเป็นการใช้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม การอาบ หรือการนำไปชำระล้าง แม้แต่ก็นำไปประกอบให้เกิดผลผลิต เป็นต้น

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราควรที่จะรำลึกถึงแม่น้ำเหล่านี้ นอกจากจะเป็นการทำกระทงเพื่อเป็นการขมาแล้ว ในวันนั้นก็ยังมีการจัดงานรื่นเริงในทุกพื้นที่อีกด้วยนะ เพื่อให้ชาวบ้านได้มารวมตัวเพื่อขมาแม่น้ำคงคาละยังเป็นการร่วมสนุก เพื่อให้ชาวบ้านรักกัน เกิดความปองดอง และสามัคคี แถมในงานก็มีกิจกรรมสนุกๆให้เลือกเล่น หรือถ้าไม่ถนัดที่จะเล่นเครื่องเล่นต่างๆก็มีกิจกรรมให้ทำอีกเพียบเลย

 

 

สนับสนุนโดย  rb888