ป้ายกำกับ: กริลแอร์

ไอซ์แลนด์เป็นเอกราชในปี1922 ไม่ขึ้นตรงกับอังกฤษ

ในปี1603 ราชินีอลิซาเบธที่ 1 สวรรคตโดยไม่มีบุตรรวมไปถึงพี่น้องของพระองค์ทั้งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 และราชินีแมรี่ที่ 1 ก็ไม่ได้มีบุตรเช่นเดียวกันด้วยดังนั้นจึงไล่เรียงสายตระกูลขึ้นไปทางพ่อ ซึ่งพบว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มีน้องสาวชื่อ Margaret Tudor โดยนางได้แต่งงานกับพระเจ้าเจมส์ที่4 ที่เป็นกษัตริย์สกอตแลนด์นั่นหมายความว่า 

ไอซ์แลนด์เป็นเอกราชในปี1922 ทายาทของjames IVของสกอตแลนด์ในตอนนี้จะได้ครองอังกฤษโดยชอบธรรมด้วยซึ่งคนที่ปกครองสกอตแลนด์ในเวลานั้นก็คือพระเจ้าเจมส์ที่6นั่นเองเรียกได้ว่าพระเจ้าเจมส์จากที่ได้ปกครองสกอตแลนด์ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ อยู่ดีส้มลูกใหญ่ก็หล่นใส่จนได้พบกับบัลลังก์อังกฤษที่ยิ่งใหญ่กว่าและเจริญกว่าแถมยังได้ย้ายเข้ามาอยู่ในลอนดอน

โดยอังกฤษได้ใช้ชื่อว่าพระเจ้าเจมส์ที่ 1 เพราะอังกฤษยังไม่เคยมีกษัตริย์ชื่อนี้มาก่อนนอกจากนี้ยังได้ครองบัลลังก์ไอซ์แลนด์ที่อังกฤษต่อมาในปี 1707 ในสมัยของราชินีแอนเห็นว่าอังกฤษและสกอตแลนด์ตอนนี้ได้ปกครองโดยกษัตริย์องค์เดียวกันมากกว่าร้อยปีแล้วและทำไมไม่รวมเกาะอังกฤษให้เป็นประเทศเดียวกันไปเลย

ดังนั้นจึงได้ออกหนังสือเพื่อนำอังกฤษและสกอตแลนด์รวมถึงธงชาติของทั้งคู่มารวมกันเป็นราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ตอนนี้เท่ากับว่ามีสามแผ่นดินใหญ่ที่รวมกันเป็นประเทศเดียวกันแล้วนั่นก็คือ อังกฤษที่รวมเวลส์ก่อนหน้าและสกอตแลนด์ในครั้งนี้เมื่อว่าไอซ์แลนด์จะเป็นประเทศที่แย่จากบริเตนใหญ่และได้ปกครองตัวเองในระดับหนึ่ง

แต่ชาวไอลิซก็โดนกดขี่อยู่บ่อยๆโดยเฉพาะในเรื่องที่ดินและศาสนาคริสต์ที่นับถือต่างนิกายทำให้ชาวไอลิซก่อกบฏสู้กับอังกฤษเป็นระยะสุดท้ายรัฐบาลอังกฤษทนไม่ไหวจึงตัดสิ้นใจให้อังกฤษปกครองไอซ์แลนด์โดยตรงเสียเลยเมื่อในปี1801 รัฐสภาจึงได้ออกหนังสือสำหรับไอซ์แลนด์ให้อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษโดยตรง

และทำให้เกิดสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอซ์แลนด์รวมไปถึงธงชาติไอซ์แลนด์ที่เป็นกากบาทเฉียงในปัจจุบันอย่างไรก็ตามในปลาศตวรรษที่ 19 จนถึง 20 กระแสชาตินิยมไอซ์แลนด์ได้กลับมาอีกครั้งคราวนี้เคลื่อนไหวทั้งในสภาเพื่อเรียกร้องให้ชาวไอลิซได้ปกครองตนเองอย่างกับประกาศสงครามกันเลยทีเดียว

หลังจากที่ได้รบกันมานาน 2 ปี ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงทำหนังสือสนธิสัญญาเพื่อให้ไอซ์แลนด์เป็นเอกราชในปี1922 ไม่ขึ้นตรงกับสหราชอาณาจักรอีกต่อไปอย่างไรก็ตามเมื่อไอซ์แลนด์แยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรแล้วประชาชนในส่วนหนึ่งของไอซ์แลนด์ยังมีความเป็นส่วนหนึ่งของยูเคจนมาถึงทุกวันนี้และทำให้ชื่ออย่างเป็นทางการของสหราชอาณาจักรในปัจจุบันคือสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอซ์แลนด์เหนือ

 

สนับสนุนโดย  กริลแอร์

สถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกระบุว่าเก่าแก่ที่สุดของประเทศเมียนมาร์

       ที่สุดของประเทศเมียนมาร์  สำหรับประเทศเมียนมาร์หรือประเทศพม่าที่เรารู้จักกันนั้นเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยเพียงแค่นิดเดียวเราสามารถที่จะนั่งเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังประเทศเมียนมาร์หรือแม้แต่เราจะสามารถข้ามฟากด้วยการเดินเท้าหรือขับรถไปยังประเทศเมียนมาร์ ก็ได้  เนื่องจากว่าประเทศเมียนมาร์นั้นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานควบคู่กับประเทศไทย

           ที่สำคัญอาณาจักรเก่าแก่ของประเทศเมียนมาร์นั้นก็มีความยิ่งใหญ่ไม่แตกต่างจากอาณาจักรของไทยดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศเมียนมาร์ที่ถูกระบุว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเก่าแก่ติดอันดับที่สุดของประเทศเมียนมาร์ 

       สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเรื่องของความเก่าแก่ที่สุดของประเทศเมียนมาร์  แล้วยังเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งสะพานดังกล่าวก็คือ สะพานอูเบ็ง ประเทศเมียนมาร์

           สำหรับสะพานอูเบ็งแห่งนี้นั้นนอกจากจะเป็นสะพานที่มีความเก่าแก่แล้วยังถูกระบุว่าเป็นสะพานที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศเมียนมาร์เลยก็ว่าได้ อายุของสะพานกูแบ่งแห่งนี้นั้นมีอายุ นับตั้งแต่ก่อสร้างมาจดมาจนถึงปัจจุบันนี้ มากกว่า 170 ปีเลยทีเดียว 

         สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน ซึ่งในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านได้มีการช่วยกันย้ายพระราชวังเก่าจากกรุงอังวะมาที่เมืองอมรปุระหลังจากนั้นในช่วงที่มีการย้ายพระราชวังเก่า

         ปรากฏว่ามีไม้สักจากพระราชวังเก่า ที่เหลืออยู่ประมาณ 1000 ต้น พระเจ้าปดุงจึงสั่งให้ขุนนางในสมัยของพระองค์นั้นทำการควบคุมคนงานและชาวบ้านให้ช่วยกันก่อสร้างสะพานขึ้นมาซึ่งก็คือสะพานไม้อูเบ็งแห่งนี้นั่นเองสำหรับสะพานไม้อูเบ็งนี้เป็นสะพานไม้สักที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกและเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน 

            โดยสะพานไม้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วง ปี พ.ศ. 1850  ส่วนสาเหตุที่มีการตั้งชื่อสะพานแห่งนี้ว่าสะพานอูเบ็งนั่น  กริลแอร์     ก็เพราะว่าคุณนางที่เป็นคนควบคุมการสร้างสะพานแห่งนี้นั้นชื่อว่าเอ็งและสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ชาวพม่านั้นได้ใช้งานเป็นเส้นทางในการคมนาคมขนส่งกัน

         นับตั้งแต่ในสมัยอดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ชาวบ้านก็ยังคงใช้สะพานแห่งนี้ในการสัญจรไปมาและการคมนาคมรวมถึงการมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศเมียนมาร์นั่นเองอย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการเห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามของสะพานอูเบ็งสะพานไม้สักแห่งนี้แนะนำว่าควรจะไปช่วงเวลาเย็นซึ่งเป็นช่วงเวลาของพระอาทิตย์ตกดินจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่มีความสวยงามแปลกตานั่นเอง